ภาคที่ 2 บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก ตอนที่ 54 นางพิม
พลายงาม พา เอื้อย และ โสนน้อย เดินมาถึงบ้านหลังแรก ของหมู่บ้าน.
รั้วบ้าน สร้างด้วยท่อนไม้ไผ่แบบง่ายๆ ห่างจากหน้าบ้านราว 20 เมตร. พลายงาม เปิดประตูรั้วเข้าไป. เป็นบ้านทรงไทยใต้ถุนสูง สร้างด้วยไม้ มีตัวเรือน 3 หลัง เชื่อมต่อกันด้วยชานไม้ ตรงบันไดมีเรือนซุ้ม. ข้างบ้านด้านทิศตะวันตก ห่างออกไป มองเห็นคอกม้า มีแม่ม้าแก่ตัวหนึ่ง นอกนั้นเป็นม้าหนุ่มสาวอีก 4 ตัว. บริเวณลานหน้าบ้าน ก่อนถึงบันได แม่ไก่กำลังพาลูกๆ ของมันออกคุ้ยเขี่ยหากิน. ถือเป็นหน้าที่ของแม่ ที่จะต้องเลี้ยงดูลูกๆ และคอยปกป้องลูก ไม่ให้สัตว์ื่อื่้นมารังแก โดยเฉพาะลูกที่ยังเล็ก. ไก่หนุ่มตัวหนึ่ง ทะเล่อทะล่า ล้ำเขตเข้ามาใกล้ลูกของมัน มันจึงไล่จิกไก่หนุ่มตัวนั้น วิ่งกระเจิงหนีไป.
เอื้อย สังเกตพฤติกรรมของแม่ไก่ ทำให้เข้าใจความรู้สึกของแม่ ที่จะปกป้องลูกของมัน. นั่นเป็นธรรมของสัตว์เดรัจฉาน ที่จะปกป้องลูก เฉพาะที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต่างกับมนุษย์ ถ้าลูกโตแล้ว ภาระของแม่จะเปลี่ยนไป ภาระของลูกก็จะเพิ่มเข้ามา คือการช่วยเหลือตัวเอง และการแสดงความกตัญญู. มีสิ่งเดียว ที่ภาระของแม่ไม่เคยเปลี่ยน คือ ความรักที่มีต่อลูก.
ก่อนพลายงาม จะก้าวขึ้นบันไดบ้าน ผู้หญิงวัยเกินกลางคนผู้หนึ่ง กำลังนั่งจักตอก อยู่ใต้ถุน ส่งเสียง ตะโกนบอก คนที่อยู่บนบ้าน.
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่า นางพิม อายุประมาณ 30 ปี. หน้าตาสะสวยแบบสาวไทยพื้นบ้าน รูปร่างผมค่อนข้างสูง ผมยาวดำขลับ ผิวเหลืองขาว. ขณะที่เธอกำลังยืนเกาะหน้าต่าง ในห้องนอน มีอาการกระวนกระวายใจ. เสียงเรียกของหญิงเพื่อนบ้าน ที่อยู่ข้างล่าง บอกให้เธอรีบออกจากห้องไป. เธอรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ที่เห็นลูกชายกลับมาอย่างปลอดภัย. เธอจึงรีบเดินออกไปที่เรือนซุ้มกลางบ้าน แล้วลงบันไดไปรับลูกชาย ที่หัวบันได.
เธอรีบเข้าไปสวมกอด พลายงาม. เห็นใบหน้าลูกชาย มีรอยฟกช้ำ.
นางพิม ดีใจจนลืมเชื้อเชิญแขกต่างถิ่นขึ้นเรือน. เอื้อย กับ โสนน้อย รู้สึกเศร้าสะเทือนใจ ในความโชคร้ายของ พลายงาม. แต่เขายังโชคดี ที่มีโอกาสได้กลับมาบ้าน พบแม่ของตัวเอง. แต่ตัวเธอทั้งสองคน ไม่รู้ว่าจะมีวันนี้หรือไม่.
นางพิม ดีใจที่ได้ลูกชายกลับมา โดยลืมไปว่า มีเด็กหญิงแปลกหน้า เนื้อตัวมอมแมม 2 คน ยืนอยู่ข้างๆ.
เป็นเรื่องแปลก ที่พลายงามไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ ร้ายแรงถึงชีวิต. ทำไมเขาไม่บอกแม่ ว่ากำลังจะถูกฆ่า. เขาคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างเป็นแน่ หรือว่าตอนนั้นเขาสลบไป ก็เลยไม่รู้ว่ากำลังจะถูกฆ่า. โสนน้อย พยายามคิดหาเหตุผลให้กับตัวเอง.
นางพิม เชิญแขกขึ้นบ้าน. ขณะที่ ไอ้แก้ว กับ ไอ้แก่น เปิดประตูรั้วบ้าน โผล่หน้ามาให้ นางพิม เห็น.
เรือนของนางพิม ค่อนข้างกว้าง แต่ก็ดูคับแคบ เพราะมีข้าวของวางเกะกะ ดูรกรุงรัง เหมือนเพิ่งผ่านสงครามระหว่างผัวเมียมา. นางพิม ชวนเด็กสาวทั้งสองคน มานั่งที่ชานหน้าบ้าน ตักน้ำในตุ่มมาส่งให้ดื่ม แล้วเดินหายเข้าไปในห้อง ค้นหาบางสิ่ง.
ระหว่างรอ, โสนน้อย สังเกตที่คอกม้า. ผู้ชายชื่อแก้ว กับ แก่น กำลังจูงม้าออกจากคอก. เป็นม้าตัวไม่ใหญ่นัก เหมาะสำหรับเด็กๆ ที่จะขึ้นไปนั่งบนหลังมัน. เธอนึกถึงลา ที่สองตายายให้ใช้บรรทุกของ ตอนเดินทางผ่านทะเลทราย, ตัวมันเล็กกว่าม้า แต่อดทนดีมาก. น่าเสียดาย ที่ัมันถูกหนอนยักษ์ทะเลทราย กินไปเสียก่อน.
นางพิม เดินออกมา พร้อมกระปุกยาหม่องในมือ. เธอสังเกต สาวน้อยสองคนนี่ หน้าตาดี คนแรกดูคมขำ ส่วนคนหลัง ดูขาวผมบาง. พวกเธอคงชอบม้า จึงแนะนำ เกี่ยวกับม้า.
โสนน้อย ก็สงสัยเหมือนกันว่า ผัวของนางพิม ที่ชอบเลี้ยงมา คือคนไหนกันแน่ เพราะ พลายงามเพิ่งเล่าให้ฟังว่า แม่มีผัวสองคน. แต่ก็ไม่กล้าถามละลาบละล้วง ให้เป็นการเสียมารยาท. นางพิม เปิดกระปุกยา ควักยาหม่องออกมา ทาที่รอยฟกช้ำของลูกชาย แล้วถามถึงที่มาที่ไปของแขกต่างบ้าน.
โสนน้อย ยิ้มแห้งๆ มองหน้านางพิม. นี่ถ้าพลายงามไม่พูดเรื่องกิน พวกเธอก็คงจะนั่งหิวข้าวไปอีกนาน.
ไม่นาน สำรับกับข้าว ก็ถูกนำมาวาง ที่กลางเรือน. เป็นอาหารพื้นบ้านง่ายๆ แต่เป็นของวิเศษ สำหรับ เอื้อย กับ โสนน้อย. ข้าวเหนียวในกระติบ น้ำพริก ผักริมรั้วข้างบ้าน แล้วก็แกงจืดต้มฟัก. ก็แน่ละ ไม่มีข้าวตกถึงท้องเลยทั้งวัน ไม่มีเวลาเกรงใจสำหรับความหิว. พวกเธอรู้สึกเอร็ดอร่อยมาก กับอาหารมื้อนี้. สองแม่ลูกแอบมองเด็กสาวน้อยทั้งสอง ด้วยความเอ็นดู.
พลายงาม เห็น โสนน้อย ทำหน้างงๆ จึงพูดว่า,
ที่จริง โสนน้อย ก็เคยได้ฟังนิทานมาก็หลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินเลย เหตุนี้เธอจึงรู้สึกแปลกใจ.
เอื้อย ก็รู้สึกประหลาดใจ เช่นเดียวกับ โสนน้อย. พลายงาม อมยิ้ม พูดแก้ต่างแทนแม่อีกเช่นเคย,
เอื้อย กับ โสนน้อย ยิ้มเจื่อนๆ แล้วพากันหัวเราะด้วยความเขิน ที่ตัวเองช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย. มันก็แค่นิทานเล่ากันเล่นให้สนุก.
หลังอิ่มข้าว เอื้อย โสนน้อย เล่าเรื่องราวของตัวเธอเองอย่างรวบรัด, ล่าสุด ออกจากนครพันธุรัฐ จนกระทั่ง มาพบพลายงาม.
พิม พูดอย่างเป็นกันเอง เด็กสาวทั้งสองคน ยิ้มรับ และไม่ลืมขอบคุณในน้ำใจของเจ้าของบ้าน. ทำให้เธอลืมความโหดร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นมา ไปชั่วขณะ.
เวลาผ่านไปชั่งรวดเร็วเหลือเกิน ไม่นานก็ค่ำ, เอื้อย โสนน้อย มีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับสองแม่ลูกในบ้าน แค่ไม่กี่ชั่วโมง พวกเธอก็ซึมซับรับความอบอุ่น ความเมตตากรุณา จากนางพิม ไปไม่น้อย. ส่วนนางพิม ก็ให้ความเป็นกันเองกับพวกเธอมาก พอๆ กับลูกชาย. พวกเธอเริ่มเป็นสาว โดยไม่รู้ตัว. โสนน้อย มองพลายงาม ด้วยความรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น. เขาช่างโชคดีเหลือเกิน ที่มีแม่ที่รักเขาและใจดี เล่านิทานให้ฟัง โสนน้อย อยากมีแม่แบบนี้ จริงๆ นะ เธอทำได้มากสุด ก็แค่คิดในใจ.
หลังจากหุงหาอาหาร ให้ลูกชายและเด็กสาวสองคนเสร็จแล้ว นางพิมบอกให้พวกเด็กๆ กินกันก่อน. พวกเขาจะได้คุยกัน ในเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่ควรรู้. ส่วนเธอเอง หลีกไปนั่งคอยใครบางคน อยู่ที่หัวบันไดบ้าน นานจนกระทั่ง เด็กๆ ใกล้จะอิ่มกันแล้ว.
โสนน้อย ถึงกับตกตะลึง มองหน้า พลายงาม ด้วยความพิศวง. เขายังคงก้มหน้ากินข้าว เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น. ตอนนี้ เธอเข้าใจแล้วว่า เพราะอะไรเขาจึงไม่บอกแม่ตั้งแต่แรก ว่ากำลังจะถูกพ่อเลี้ยงฆ่า.
เอื้อย นึกหมั่นไส้แม่ของพลายงาม. คนอะไร ผัวใหม่กำลังจะฆ่าลูกตัวเองแท้ๆ กลับไม่เชื่อเรื่องที่ลูกบอก. เอื้อย นึกย้อนอดีตตอนที่เธอยังอยู่กับพ่อแท้ๆ. พ่อของเธอ มักทำเป็นไม่สนใจ ปล่อยให้แม่เลี้ยงทารุณ และพี่เลี้ยงดุด่าเธอ อย่างไร้เหตุผล, ก็ยังไม่ร้ายเท่าที่นางพิมทำกับลูกและผัวของตัวเอง. พ่อของเธอเป็นแบบนั้น ก็เฉพาะตอนเมาเท่านั้น แต่พอหายเมา ก็กลับเป็นคนละคน. จะว่าไป เอื้อย ยังโชคดีกว่า พลายงาม เสียอีก ที่มีแม่แบบนางพิม, หลงผัวมากกว่าลูกของตัวเอง.
เธอตะโกนถาม ชายเพื่อนบ้าน 2 คน ที่อาสามาจูงม้า 3 ตัว เข้าคอกให้.
เอื้อยคิดว่า ผู้ชายหัวล้านที่ชื่อช้างนั่นนะ ถ้ากลับมาตอนนี้ ในสภาพอย่างนั้น. เขาจะแก้ตัวยังไง กับเมียของเขา. เรื่องมันคงจะยุ่งน่าดู เธอเลยพูดกึ่งหยอกกึ่งประชด ไปตามที่รู้สึก.
พิม หน้าสลดชั่วครู่ แต่ยังเก็บความรู้สึกโกรธผัวใจร้ายไว้ในใจ. เธอแทบไม่เชื่อว่า เรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นอีก. เธอรีบย้ายก้นจากหัวบันได มาที่วงสำรับกับข้าวที่พวกเด็กๆ กำลังกินกันเกือบจะอิ่ม แล้วถามลูกชาย เพื่อเอาความจริง.
พลายงาม มองหน้าแม่แว่บหนึ่ง แล้วพยักหน้า กลัวแม่จะไม่เชื่อ. แต่คราวนี้ พิมเชื่อสนิทใจ, เพราะมีพยานรู้เห็นถึงสองคน.
พิม เสียใจ ที่ตัวเองทำผิดต่อลูก เชื่อผัวเจ้าเล่ห์ มากกว่าลูกของตัวเอง. น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม, สงสารลูกอย่างจับใจ และรู้สึกไม่น่าให้อภัยตัวเอง.
คนเราถ้าผิดแล้วรู้สำนึก คนดีย่อมให้อภัย. เมื่อได้ฟังคำสารภาพของนางพิม เอื้อย กลับรู้สึกสงสารแม่ของพลายงาม. ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเธอเมื่อสักครู่ หายไป. ความรักที่มีต่อลูกแท้ๆ ของตัวเอง จะแตกต่างจากความรักที่มีต่อผัวใหม่. ลูกคือภาระหน้าที่ ที่แม่จะต้องเลี้ยงดู และปกป้องจากภัยอันตราย ส่วนผัวใหม่ คือภาระหน้าที่ ที่จะต้องคอยปรนนิบัติ มิให้เกิดความขุ่นข้องเคืองใจต่อกัน. ถ้าลูกเลี้ยง กับพ่อเลี้ยงไม่ถูกกัน หรือเป็นศัตรูกัน ผู้เป็นแม่ จะต้องเลือกปกป้องลูกก่อน. แม้แต่แม่ไก่ มันยังทำหน้าที่ดูแลลูกทั้งฝูงของมัน, แต่นี่เป็นแม่คนแท้ๆ และมีลูกเพียงคนเดียว จะทำไม่ได้เชียวหรือ. มันต่างกันตรงที่ วิธีการที่จะปกป้องลูกต่างหาก.
พิม ไม่ไว้วางใจผัวเจ้าเล่ห์อีกต่อไป จึงบอกเหตุผลกับลูกว่า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่า มันจะไม่เกิดขึ้นอีก. ถ้าพลายงามไม่อยู่ที่นี่ เขาก็จะปลอดภัย. และเหตุผลอีกอย่าง คือ ลูกไม่ไ่ด้ไปคนเดียว แต่มีเพื่อนร่วมทางด้วยถึงสองคน. พลายงาม จำเป็นต้องยอมรับเหตุผลที่แม่บอก และตอนนี้เขาคิดได้แล้วว่า เขาก็โตพอแล้วที่จะแยกไปอยู่ที่อื่น. เหตุผลส่วนตัว สำหรับพลายงามอีกข้อหนึ่ง คือ ถ้าไม่มีเขาอยู่ร่วมชายคากับพ่อเลี้ยงหัวล้าน เรื่องยุ่งๆ ก็คงไม่เกิดกับแม่. เพราะอย่างไรเสีย แม่ก็ยังรักเขาอยู่ดี.
รุ่งเช้า เด็กทั้ง 3 คน เตรียมเก็บข้าวของสำคัญ พร้อมจะเดินทางไปเมืองกาญจนา. พิม ขอร้องให้ แก้ว กับ แก่น เลือกม้าตัวที่ดีที่สุดและแข็งแรงที่สุด 3 ตัว สำหรับเด็ก 3 คน พร้อมอานม้าและสิ่งของเครื่องใช้ สำหรับเดินทางไกล. ก่อนออกเดินทาง พิม สั่งกำชับลูกชายว่า
พิม ถอดกำไลเงินที่ข้อมือ ยื่นให้ พลายงาม.
การเดินทางหนนี้ คงใช้เวลาและระยะทางอีกยาวไกล กับเพื่อนร่วมทางคนใหม่. แม้ว่าพวกเขา จะมีครอบครัว มีพ่อมีแม่ที่ไม่สมบูรณ์. แต่พวกเขา สามารถมีความผูกพันที่สมบูรณ์ต่อกันได้ ในฐานะเพื่อน. การร่วมชะตาชีวิต ในหลายปีผ่านมา, สังข์ เอื้อย โสนน้อย ไม่เคยพลัดพรากจากกันเลย แต่การเดินทางคราวนี้ เหมือนขาดผู้นำไป.
เอื้อย คิดในใจ ก่อนอำลาบ้านของนางพิม.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|