ภาคที่ 3 บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา ตอนที่ 77 นรกบนเมืองสวรรค์
ไม่นาน เอื้อย โสนน้อย และ สิงห์ ก็มาถึงจุดหมายอย่างไม่ตั้งใจ. เป็นย่านชุมชนที่ค่อนข้างแออัด แต่ถนนดูดีกว่าชุมชนเคหะเหม็นๆ เมื่อตอนหัวค่ำ. โคมไฟจากเสาไฟฟ้า ส่องให้เห็นตึกเก่าๆ ทั้งสองฝั่ง ซึ่งทรุดโทรม. บนฟุตบาท มีผู้คนไม่มากนัก, นานๆ ครั้งก็มีรถยนต์วิ่งสวนกันไปมา. ไกลออกไปสัก 30 เมตร มีคนเยอะหน่อย, มองเห็นอาคารตึกหลังหนึ่ง ประดับด้วยไฟสวยกว่าตึกอื่นๆ. สูงขึ้นไปที่หน้าตึกราว15 เมตร มีป้ายข้อความ และแสงไฟประดับระยิบระยับ บ่งบอกว่า ที่นี่คือสถานเริงรมย์ สำหรับคนกลางคืน.
สิงห์ ชวนเพื่อนๆ เดินปะปนไปกับนักเที่ยวกลางคืนคนอื่นๆ. เขาสังเกตไปเรื่อยๆ ที่ซอยเล็กๆ ก่อนจะถึงตึกสวยหลังนั้น. ดูเหมือนจะมีชายขอทาน กำลังจัดเตรียมที่นอนของตัวเอง. ฝั่งตรงข้าม เยื้องไปทางซ้ายมือ มีเด็กวัยรุ่น 4-5 คน กำลังยืนมั่วสุมสูบบุหรี่. แต่ที่น่าตกใจก็คือ พวกเขาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุคงราวๆ สิบขวบ อยู่ในกลุ่มวัยรุ่นที่สูบบุหรี่นั้นด้วย. เธอหันมาสบตากับ เอื้อย นิดหนึ่ง.
พวกเขา กลายเป็นหนุ่มสาวนักผจญโชคหน้าใหม่ไปแล้ว. เมื่อเข้าไปใกล้บริเวณหน้าตึกสวยหลังนั้น ก็มีผู้หญิงวัยเกือบกลางคนคนหนึ่ง แต่งตัวและแต่งหน้าเข้ม จัดจ้าน เดินเข้ามาทักเป็นรายแรก ในมือถือไพ่สำรับหนึ่ง.
โสนน้อย เอื้อย ยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้. พวกเธอยังรู้สึกเกร็งๆ จึงขยับเข้าไปใกล้ สิงห์ และรอดูเหตุการณ์ไปก่อน. สิงห์ ส่งสายตาบอกเพื่อนๆ ว่าอย่าไปสนใจ. ผู้หญิงคนนั้น จะพูดจาหว่านล้อมอย่างไร พวกเขาก็ไม่ตอบสนอง เธอจึงล้มเลิกเซ้าซี้. สิงห์ โสนน้อย เอื้อย เดินช้าๆ ชะลอไปเรื่อยๆ. สักครู่ ก็มีผู้ชาย 2 คน ขยับออกจากผนังตึก ตรงมาที่พวกเขา และเดินเฉียดไปเฉียดมา พร้อมเพ่งสายตา มองแขกหน้าใหม่ทั้งสามคน ตั้งแต่หัวจรดเท้า.
สิงห์ ปฏิเสธ, คนแรกก็ยังคาดคั้นเหมือนเดิม หวังว่านักเสี่ยงโชคหน้าใหม่ จะเปลี่ยนใจ ทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ. แต่เมื่อเหยื่อไม่ตอบสนอง สองคนนั่นก็เลิกสนใจ และผละถอยออกไปหาเหยื่อรายอื่น. นี่นับว่าโชคดี ที่ไม่ใช่พวกคนร้ายอันธพาลหาเรื่อง. อาการเกร็งของ โสนน้อย กับ เอื้อย หายไป. แต่มีเสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงแทรกขึ้นมา. ผู้คนที่เดินอยู่ในแถวนี้ ไม่มีใครสนใจเสียงนั่น. เอื้อย รู้สึกอึดอัดใจ และไม่สบายใจ, เด็กหญิงนั่น อาจกำลังเดือดร้อนอะไรสักอย่างก็ได้. เสียงร้องกรี๊ดของเด็กหญิง ดังมาจากซอยเล็กๆ ซึ่งพวกเขาเพิ่งเดินผ่านมันมาเมื่อครู่. เสียงนั่น ดังขึ้นๆ.
เอื้อย เริ่มไม่แน่ใจตัวเองแล้วว่า จะทำเป็นไม่สนใจ หรือ แกล้งเดินหนีไป.
เอื้อย พูดกับ โสนน้อย ขณะเดินตามหลัง สิงห์ ไปติดๆ. โสนน้อย เห็นด้วย จึงรั้งแขนของ สิงห์ ให้เขาหยุดเดิน.
โสนน้อย ก็ยังลังเลเหมือนเดิม. เสียงร้องให้ช่วย ดังขึ้นอีก. คราวนี้ เอื้อย ไม่ทนรอให้พวกเพื่อนๆ คล้อยตาม. สัญชาติญาณของเธอบอกว่า นั่นไม่ใช่เสียงร้องของคนปกติ ที่ร้องกันเล่นๆ ให้คนอื่นตกใจเล่น. เธอตัดสินใจ ก้าวเดินตรงเข้าเขาไปในซอย ซึ่งเป็นที่มาของเสียงร้อง. โสนน้อย กำลังเดินทอดน่องดูอะไรเพลินๆ เห็น เอื้อย เดินหายไปในซอย. เธออดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ จึงบอก สิงห์. สิงห์ ส่ายหน้า รู้สึกหนักใจกับความดื้อของเพื่อนสาวห้าวคนนี้. แต่เขาก็รู้ว่า ในซอยนั่น ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย หากปล่อยให้ไปคนเดียว อาจเกิดอันตรายได้ จึงพากันเดินไปตาม เอื้อย.
เอื้อย เดินหายเข้าไปในซอย ข้างในซอยมืดนิดหน่อย แต่ก็มองเห็นตำแหน่งที่มาของเสียง. ที่มุมตึก ห่างออกไปราว 15 เมตร. กลุ่มวัยรุ่นราว 4-5 คน กลุ่มเดิม, กำลังทุบตี ขู่บังคับให้เด็กหญิงผู้หนึ่ง ทำอะไรสักอย่าง. เอื้อย มองเห็นไกลๆ ไม่ถนัด เธอจึงขยับเข้าไปให้ใกล้กว่านี้. คิดว่า น่าจะเป็นเด็กคนเดียวกัน ที่เธอเห็นเมื่อสักครู่. พวกกลุ่มวัยรุ่น เห็นว่ามีคนเดินตรงมาหาพวกเขา, พวกเขาจึงพากันลากเด็กหญิง ถอยห่างลึกเข้าไปในซอยอีก ราว 5 เมตร. เอื้อย ไม่คิดอะไรมากไปกว่า การช่วยเหลือเด็ก. เธอจึงติดตามไปจนทัน และกระชากเด็กหญิง ออกจากกลุ่มวัยรุ่น.
เสียงเด็กผู้หญิงพูดขึ้น. เอื้อย รู้สึกงุนงงไปชั่วครู่. อาการดิ้นรนของเด็กหญิง เปลี่ยนไปเป็นคนละคน. นี่มันไม่ใช่เด็กผู้หญิง คนที่เจอครั้งแรกนี่!. เด็กหญิง มองหน้า เอื้อย อย่างไม่พอใจ, พวกกลุ่มวัยรุ่นนั่น ก็เช่นกัน.
เสียงเด็กหนุ่มในมุมมืด พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะโผล่หน้าออกมา. เขาแอบซุ่มยืนอยู่ด้านหลังของ เอื้อย นานแล้ว. เอื้อย รู้สึกโกรธและเสียหน้า เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก. เธออยากจะเข้าไปจับคอ เค้นเอาความจริงว่า ทำไมทำกันแบบนี้. แต่ทำได้แค่คิด เพราะมีเด็กวัยรุ่นอีกหลายคน ค่อยๆ โผล่หน้า ตามเด็กหนุ่มคนนั้น ออกมาจากมุมมืด, นับรวมกันได้มากกว่า 10 คน. คนมากขนาดนี้รับมือไม่ไหวแน่. ตอนนี้ เอาตัวรอดไว้ก่อนดีกว่า.
เอื้อย ค่อยๆ สืบเท้าถอยไปบนฟุตบาท ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นในมุมมืด เคลื่อนเข้ามาใกล้. เอื้อย หันไปมองอีกด้าน ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็มีกลุ่มวัยรุ่นอีกจำนวนหนึ่ง ค่อยๆ เดินมาดักปิดทางออก. เท่ากับเพิ่มจำนวนศัตรู มากขึ้นไปอีก.
เอื้อย หันกลับไปทางเสียงเรียก, มองผ่านทะลุกลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 คน ที่ทยอยกรูกันเข้ามา. เธอไม่รอช้า รีบฝ่าวงล้อมของพวกวัยรุ่น ด้านที่มีจำนวนน้อยกว่าออกไป ขณะที่ สิงห์ กับ โสนน้อย วิ่งไล่ตามจากปากซอยมาช่วย. แต่ เอื้อย ก็ไม่ประมาท และยังรู้สึกเสียหน้าไม่หาย ที่ถูกคนพวกนี้หลอกเอา. เธอตั้งท่ายืนอย่างมั่นคง และระมัดระวัง. ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ จะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่. เพราะแค่ลำพังมือและเท้า ก็พอรับมือไหว.
เอื้อย อาศัยความคล่องตัว พลิ้วหลบพวกวัยรุ่นออกมาได้. สิงห์ กับ โสนน้อย ยังคงพัวพัน ต่อสู้กับพวกวัยรุ่นกลุ่มใหญ่. แต่อีกไม่นาน ก็น่าจะผ่านเข้ามาได้ ... และก็เป็นเช่นนั้นตามคาด. เมื่อหลุดจากวงล้อมพวกวัยรุ่นแล้ว สิงห์ กับ โสนน้อย รีบวิ่งมาหา เอื้อย. แล้วพากันวิ่งลึกเข้าไปในซอย. ถอยออกไปทางเดิมไม่ได้แล้ว เพราะข้างหลังด้านปากซอย มีศัตรูเต็มไปหมด. แต่พอขยับวิ่งไปได้เพียงสองสามก้าว, ข้างหน้าก็ปรากฏกลุ่มอันธพาลอีกกลุ่ม. พวกมันยกมากันเป็นฝูง หลายคนมีมีดอยู่ในมือ. ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาอีกแล้ว.
มีเสียงเรียก มาจากซอกตึกใกล้ๆ ที่พวกเขายืนอยู่. เอื้อย หันไปมองที่มาของเสียงลึกลับนั่น. แสงไฟที่ส่องมาจากโคมไฟบนผนังตึกข้างๆ พอมองเห็นว่า เป็นเด็กหญิงคนนั้นนั่นเอง. คนที่เธอเห็นครั้งแรก ตอนที่เหยียบย่างเข้ามา ในถนนบ้าๆ นี่.
คงจะจริงตามที่ โสนน้อย ว่า เห็นมือข้างขวา ถือไฟฉายดวงเล็กๆ.
เด็กหญิง กระซิบซ้ำ และไม่ต้องรอให้เตือนครั้งที่ 3. โสนน้อย เอื้อย และ สิงห์ ตามเด็กหญิงคนนั้น หายเข้าไปในซอกมืด. เสียงฝูงคนพากันวิ่งไล่หลังตามมา. สักครู่ เด็กคนนั้น พาแขกทั้งสามคน ที่เธอไม่รู้จัก มาถึงบันไดเหล็กเก่าคร่ำคร่า สำหรับลงไปอุโมงค์ใต้ดิน. เด็กหญิงพาเลี้ยวซ้าย แล้วตรงไป. เอื้อย หันไปมองข้างหลัง คนพวกนั้น ยังวิ่งไล่ตามหลังมาติดๆ. จนกระทั่ง มาถึงรางรถไฟฟ้าใต้ดินเก่าๆ, เด็กหญิงหยุดคิดนิดหนึ่ง ฉายไฟไปด้านซ้ายมือ และด้านขวามือ เป็นทางรถไฟทอดยาวออกไปสุดแสงไฟฉาย ทั้งสองด้าน. สิงห์ ภาวนาว่า อย่าให้เธอหลงทางในตอนนี้เลย.
คำภาวนา เป็นผล เด็กน้อยหันไปบอกพวกเขา.
เธอพา สิงห์ เอื้อย และโสนน้อย หลบเข้าที่มุมมืด ปล่อยให้พวกกลุ่มวัยรุ่น วิ่งผ่านเลยไปก่อน. จนกระทั่ง เห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว เธอจึงพาพวกเขาย้อนกลับทางเดิม.
แพรวา พาพวกเขาเลี้ยวขวาไปตามอุโมงค์ อีก 2 ครั้ง ก็เจอบันไดเหล็ก ขึ้นไปข้างบน. เมื่อถึงข้างบน มองไปรอบๆ แสงไฟฟ้าสลัวๆ สาดส่องเป็นระยะๆ แต่ก็พอจะเดาออกว่า ที่นี่อาจเป็นสุสานรถเก่า. เด็กแพรวา เดินนำหน้าไปตามทางเดินแคบๆ.
แต่แทนที่จะมีคำตอบให้เธอหายข้องใจ กลับมีคำถามสวนออกไป.
คนทั้งสี่ เดินลัดเลาะริมรั้วตาข่ายเหล็ก ผ่านสุสานรถเก่า มาถึงบริเวณช่องรั้วตาข่าย ที่เจาะทำเป็นรู พอให้คนเดินลอดผ่านเข้าออกได้.
แพรว่า ส่องไฟฉายไปที่ตัวบ้าน ซึ่งตอนนี้ ยังมองไม่ออกว่ามันคือบ้านจริงๆ หรือว่ากล่องรถคอนเทนเนอร์ กันแน่.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|