บทหนังสั้น เรื่อง "เจตนา" โดย อาจารย์สู่ดิน 22 สิงหาคม 2558. . ฉาก: ใน. ห้องสตูดิโอ - ค่ำ พวกเพื่อนๆ กลับกันหมดแล้ว เหลือนักศึกษาชื่อ วุ่น กับ วิน อยู่แค่สองคน ที่คอยเก็บของให้เข้าที่ วาย เพื่อนอีกคน จำเป็นต้องมาช่วยจะได้เสร็จเร็วขึ้น และรอกลับด้วย เพราะ วุ่น วิน วาย พักอยู่หอพักเดียวกัน และที่สำคัญ คือ สามคนนี่ มันนอนอยู่ห้องเดียวกัน วาย - จารย์เขาคิดจะทำอะไรอีกล่ะ หาเรื่องเดือดร้อนมาให้อีกแล้วเหรอ รุ่นที่แล้วยังไม่เข็ดอีก วุ่น - อะไร ที่มึงว่า รุ่นที่แล้วไปทำวีรกรรมอะไร ให้อาจารย์เขา วาย - เออ ก็มันแค่วิชาภาพยนตร์เบื้องต้น แค่พาไปดูงานโน่นนี่ ก็พอนี่หว่า ยังจะมาโปดัคชั่้นอะไรให้วุ่นวาย สร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเรา วุ่น - ไอ้วาย อาจารย์เขาไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้มึง มึงจะพูดอะไรก็ดูเจตนาอาจารย์เขามั่ง วาย - เจตนาอะไร ใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือล่ะไม่ว่า มึงรู้ไหม๊ ถ้าให้พวกเราไปออกกองถ่ายหนัง มึงคิดดูซิว่า พวกเราจะต้องรับภาระค่าใช้จ่าย อีกกันคนละเท่าไหร่ อย่างต่ำก็สามพัน วิน - ไอ้บ้า มึงก็พูดเว่อร์ วาย - จริงดิ ก็รุ่นพี่แมน โดนกันไปคนละหกพัน ทีแรกบอกแค่สี่พัน แม่งมาเก็บกูเพิ่มอีกสองพัน วิน - ค่าอะไรอีกวะสองพัน วาย - แม่ง .. ค่าเสื้อทีม ค่าที่พักรีสอร์ท ค่านั่งเรือออกทะเล แล้วก็ค่าเครื่องบินของอาจารย์กะดารา ก็ทำให้กูกระเป๋าฉีกแล้ว คราวนี้ ก็เอาดารามาอีกแหล่ะ กูงี้!!! วุ่น - อีคราวนั้นน่ะ พวกพี่แมนเค้าประชุมกันแล้วว่าจะไปถ่ายที่ทะเล อาจารย์เค้าไม่ได้บังคับ จะเป็นที่ไหนก็ได้ แต่เค้าเลือกกันเอง แล้วก็ดารานั่นด้วย แล้วมึงจะมาบ่นทำซากอะไรวะ วิน - มึงพูดให้ดีนะเว้ย คนเก็บตังค์ น่ะก็แฟนพี่แมนเค้า ไม่ใช่อาจารย์ไปเก็บตังค์เอง ... กูว่าไอ้ที่แพงง่ะ อาจไม่ใช่เรื่องค่าจงค้างดารานั่นหรอก กูว่ามันน่าจะเป็นเรื่องอื่นซะมากกว่า ... แต่กูได้ข่าวว่า อาจารย์เค้าออกเองนะเว้ย แล้วดารา ก็เป็นนักศึกษาที่มาเรียน เขาจะนั่งเครื่องไปก็ไม่เกี่ยวนี่ เขาอาจมีเวลาจำกัดก็ได้ มึงจะพูดอะไรก็ให้เป็นเรื่องจริงมั่ง วุุ่น - เออ ไอ้วินมันพูดถูก ก็ดาราเขามีคิวถ่ายละครของเขาแน่นเอียด จะให้เค้ามานั่งรถกระป๋องอย่างมึงเหรอ เขาจำเป็นต้องนั่งเครื่องไป มันผิดอะไรด้วยวะ วาย - แต่นั่นมันเงินของเรานะเว้ย แล้วก็เงินในกระเป๋ากูด้วย วิน - เฮ้ย มึงพูดก็เกินไป ถ้าไม่มีดารามาเล่นให้ แล้วมึงเล่นได้อย่างเขาป่ะล่ะ หนังเรื่องนี้ส่งเข้าประกวดด้วยนะเว้ย วาย - แม่ง เข้ารอบแรกก็เก่งแล้ว วิน - มึงนี่ พูดกวนส้นตีนจริงๆ คนเขาตั้งใจทำ วาย - มึงคิดดูดิ มีคู่แข่งส่งมากันต้ังหลายประเทศ จะสู้เขาไหวเร๊อ ซิงคโปงี้ มาเล อินโดก็ส่ง เผลอๆ อาจแพ้เวียดนาม หรือไม่ก็ เสมอลาวกับเขมร วุ่น - เออ ถ้าคิดอย่างมึงง่ะ เจริญ อาจารย์เขาถึงต้องเอาดารามาเล่นไง วาย - แล้วไง ไม่มีความสามารถ เลยต้องเอาดารา มาเป็นจุดขายงั้นซิ วิน - ดาราแค่คนเดียวเว้ย ที่เหลือก็เป็นพวกเรา แล้วไอ้ที่เป็นพวกเรา มีเล่นได้เรื่องกันซักคนไหม๊ มึงนั่นแหละตัวดี เวลาให้มาซ้อม หายหัวไปทุกที มามั่ง ไม่มามั่ง แล้วยังจะมาพูดมากอีก เวร วาย - เอาดารามาเล่น มันก็เอาเปรียบคนอื่นซิวะ วุ่น - เอาเปรียบยังไง ดาราเค้าไม่ได้คิดค่าตัว แล้วก็ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนผู้พันเบิร์ด แค่ออกค่าเครื่องให้เค้า แล้วก็แค่คนเดียว ที่เหลือเป็นนักศึกษาไปกันเอง แล้วอีกอย่าง คณะกรรมการก็ไม่มีกฏข้อห้ามด้วยว่า ห้ามเอาดารามาเล่น นี่มันเวทีประกวดระดับนานาชาตินะเว้ย กรรมการเขาไม่รู้หรอกว่าประเทศไหน จะเอาดารามาแล่น เพราะมันแค่หนังสั้นระดับประชาชนทั่วไป แล้วมึงแน่ใจเหรอว่า อินโดกับมาเล เขาจะไม่เอาดารามาเล่น มึงรู้จักดาราอินโดกะเขาด้วยเหรอวะ ไหนลองบอกชื่อซักคนซีวะ วาย - กูคนไทยเว้ย จะไปรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นดารา วุ่น - เออนั่นแหละ กรรมการเขาก็เหมือนมึงนั่นแหละ เค้าดูแค่เรื่องแล้วก็โปรดัคชั่นอื่นๆ อีกตั้งหลายอย่าง ไม่ใช่ดูแค่นักแสดงอย่างเดียวเว้ย วาย - ตกลงนี่มึงสองคน ถูกจารย์คุมถุงชน ให้มาลากเอากูไปด้วยใช่ป๊ะ? วิน - กูว่าทำหนังประกวดอีคราวนี้ มันจะชนะได้ยังไงว่ะ ถ้ามีคนอย่างมึงอยู่ในทีม . หลังจากนั้นอีก 3 เดือน มีภาพยนตร์ ได้รับการคัดเลือก เข้ารอบ 5 เรื่องสุดท้าย จากจำนวน 12 เรื่อง 10 ประเทศที่ส่งเข้าประกวด ก่อนเข้าชิงชนะเลิศ และหนึ่งในห้า ก็มีเรื่อง "เจตนา" อยู่ในนั้นด้วย . ฉาก: ใน. ห้องแล็บตัดต่อ - กลางคืน. . วาย วุ่น วิน และ เพื่อนๆ อีกหลายคน ตั้งใจฟัง . อาจารย์ - วาย คุณจำได้ไหม๊ว่า คุณเคยพูดนินทาผมว่า ผมเอาเปรียบพวกคุณ ถ้าพวกคุณไม่ไปออกกองถ่ายวันนั้น เพื่อเรียนรู้ที่จะทำงานใหญ่ระดับชาติ ที่มีคู่แข่งระดับเทพ แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้กับเขา ก็เพราะงานออกกองถ่ายวันนั้นนั่นแหละ ที่ทำให้พวกคุณแกร่งขึ้น เพราะได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง . วาย - ตอนนั้น ผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่โตถึงระดับนี้ ผมคิดว่าแค่เรียนโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็พอ จะไปเอาดีทำไมกับการทำหนัง . อาจารย์ - แต่พีอาเดี๋ยวนี้ มันขาดมิติของหนังได้ซะเมื่อไหร่กันล่ะ ซึ่งมันดึงดูดใจคนดูได้มากกว่าสื่อทุกประเภท คิดจะแข่งขันด้านสื่อ ถ้ามองข้ามสื่อภาพยนตร์ คุณก็เป็นคนตกขอบแล้ว . วาย - แล้วจารย์ จะแน่ใจได้ยังไง ว่าหนังเรื่องนี้ จะชนะเลิศ . อาจารย์ - ผมว่า หนังของเรามาถึงขั้นนี้ ก็นับว่าพอใจแล้ว เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว ไม่มีแรงกดดันอะไร ทำกันสบายๆ และมันก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งว่า พวกคุณน่ะ เข้าใจกระบวนการทำหนัง ต่อไปพวกคุณจะทำหนังได้ดี และดีกว่าที่ผมทำเสียอีก (หันหน้าไปหา วาย) คุณก็เหมือนกัน วาย ถ้าคุณเข้าใจและมองโลกให้กว้างมากกว่านี้. . จบ.