igood media
HOME   |  Articles - Book - Poem - SongAUTHOR  |  FILM SCHOOL  |  COMMUNICATION ARTS  |  MY BLOG |

Blog film school

My Media channel

blog

1 หน้าแรก
2
บทความ
หนังสือเล่ม
ร้อยกรอง เพลง
3
บทภาพยนตร์
ภาพยนตร์สั้น
วีดิโอ มิวสิควีดิโอ
4
วิชาเรียนนิเทศศาสตร์
ตำราเอกสาร
สื่อการเรียน
 

 

 

บทความ:

บทวิเคราะห์ "ระหว่าง ข้าว กับ ขี้ คุณจะเลือกกินอะไร"

โดย อาจารย์สู่ดิน ชาวหินฟ้า

     สังคมขณะนี้ มีทางเลือกอยู่สองทางคือ

     ดี กับ ชั่ว คนดีกับคนชั่ว ได้แบ่งขั้วกันอย่างชัดเจน

     ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนระบอบทักษิณ ซึ่งมีเป้าหมาย เพื่อล้มล้างความจงรักภักดี ในสถาบันกษัตริย์ ที่เปรียบเสมือนอุปสรรค และ เสี้ยนหนามในการทุจริต คอรัปชั่นทุกรูปแบบ (ขายชาติ ขายแผ่นดิน) ที่พวกเขากำลังทำกันอยู่

     ฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ นักการเมืองที่ทุจริต คอรัปชั่น ภายใต้ระบอบทักษิณ ซึ่งได้รับการสนับสนุน จากประชาชนผู้รักความเป็นธรรม และจากปัญญาชน คนระดับกลาง เป็นจำนวนมาก จนเกิดเครือข่ายคนรักประเทศไทย (Thailand not for sale) ไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และขยายไปถึงคนไทย ที่อยู่ต่างประเทศ เครือข่ายคนรักประเทศไทย เรียกตัวเองว่า “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ล้มล้างระบอบทักษิณ

     ระบอบทักษิณ มาจากพฤติกรรม ความคิดของ พต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมกับกลุ่มนักการเมือง และนักธุรกิจที่เป็นศัตรูกับระบบศักดิดาขุนนาง เพื่อสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและพรรคพวก รอบทักษิณถูกโค่นล้มไป ด้วยการรัฐประหารของทหาร เมื่อเดือนกันยายน 2549 แต่กลับฟื้นคืนอำนาจขึ้นมาใหม่ ในปี 2551 โดยมีรัฐบาลหุ่นเชิดของ นายสมัคร สุนทรเวช และ พรรคพวก เป็นตัวแทน (norminee) ซึ่งแน่นอน พต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ย่อมเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ระบอบนี้ได้สร้าง รัฐตำรวจ (police state) ขึ้นมาเป็นเครื่องมือ ปกป้องตัวเอง และปราบปราบฝ่ายตรงข้าม ซื้อความจงรักภักดี จาก ทหาร และ ข้าราชการบางส่วน โดยแลกกับ ผลประโยชน์จาก ค่าคอมมิสชั่นในการอนุมัติ โครงการขนาดใหญ่ (mega project)

     นอกจากนี้ ระบอบทักษิณ อาศัยระบบทุนอภิสิทธิ์ ทุนอิงอำนาจรัฐ ทุนผูกขาด เรียกรวมกันว่า "ทุนสามานย์" มาเป็นช่องทางซื้อความภักดี จากนายทุนบางคน ที่เห็นแก่ตัว ด้วยการแบ่งสัมปทาน และ ผลประโยชน์ทับซ้อนอื่นๆ ให้

     เพื่อให้การขับเคลื่อน ของระบอบทักษิณ เป็นไปโดยชอบธรรมในสายตา ของชาวโลก จึงได้ใช้รูปแบบการบริหาร การปกครอง ประชาธิปไตยแบบตัวแทน (agency democracy) มาเป็นเครื่องมือ ผ่านนโยบายประชานิยม ระบอบทักษิณ ซื้อ "คนจน" ไว้เป็นพวก คอยเป็นม่านบังตา และปกป้องพฤติกรรมทุจริต ตั้งแต่การโกงเลือกตั้ง การออกกฏหมาย และแก้ไขกฎหมาย เพื่อเปิดช่องทางในการสร้างผลประโยชน์ทับซ้อน พฤติกรรมดังกล่าว ได้สร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และความอยุติธรม ให้กับประเทศไทย อย่างใหญ่หลวงมานานนับสิบปี

     ภายใต้รัฐตำรวจ เกิดกลุ่ม นปก. (แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ) เกิดกลุ่มสื่อ พีทีวี และเครือข่ายวิทยุชุมชน

     อุปสรรคอันใหญ่หลวง ของพวกระบอบทักษิณ ก็คือ กลัว "การตรวจสอบ" จากองค์กรอิสระ และ จงเกลียดจงชัง "ความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย"์ รวมทั้งประธานองคมนตรี ซึ่งได้รับเชิดชูยกย่องเป็นถึง "รัฐบุรุษ" เพราะ สิ่งที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงสอนประชาชน คือ การดำรงวิถีชีวิต ภายใต้ระบบเศรษฐกิจพอเพียง "ความมีเหตุ มีผล" "ความพอเพียงพอประมาณ" "การสร้างภูมิคุ้มกัน" ซึ่งเป็นแนวคิดสวนทางกับระบอบทักษิณ ระบอบทักษิณ เป็นทุนนิยม-บริโภคนิยม มุ่งส่งเสริม การบริโภคอย่างไม่พอเพียง ต้องการให้เกิด ระบบทาสใหม่ ดังนั้น เศรษฐกิจพอเพียง กับระบอบทักษิณจึงเข้ากันไม่ได้เลย

     ด้วยเหตุนี้ เศรษฐกิจพอเพียง ได้สร้างความไม่พอใจ ให้แก่คนในระบอบทักษิณ ซึ่งเปรียบเสมือน หนามยอกอกมาตลอด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม รัฐบาลหุ่นเชิด กลุ่ม นปก. กลุ่มสื่อ พีทีวี และ ตำรวจภายใต้รัฐตำรวจ จึงมีพฤติกรรมไม่แตกต่างกัน แม้แต่น้อย กล่าวคือ

     1. รัฐบาลหุ่นเชิด ภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช อาศัยอำนาจที่ได้มาจากการซื้อเสียง (เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม) มุ่งรักษาผลประโยชน์ แทรกแซงสื่อ แทรกแซงกระบวนยุติธรรม พยามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิด ให้แก่ทักษิณ ชินวัตร ทุกวิถีทาง ในขณะเดียวกัน ก็สร้างผลประโยชน์ทับซ้อน กับต่างชาติ ด้วยการแลกเปลี่ยนอธิปไตยของชาติ กับประโยชน์ในธุรกิจข้ามชาติ

     2. กลุ่ม นปก. เป็นที่รวมของสมาชิกพรรคไทยรักไท จำนวน 111 คน ที่ถูกลงโทษทางการเมือง เพราะการทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้เกิด การยุบพรรค ซึ่งเปรียบเสมือน "คนบาป" ในทางการเมือง ได้ออกมาปกป้อง พต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ ทำหน้าที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง โดยรับคำสั่งตรง จาก พต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็น "นายใหญ่"

     3. กลุ่มสื่อ พีทีวี เป็นช่องทางในการสื่อสาร ผ่านโทรทัศน์ NBT และวิทยุชุมชน ที่กรมประชาสัมพันธ์รู้เห็นเป็นใจ และการละเลย จากการตรวจสอบ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

     พฤติกรรมของรัฐบาลหุ่นเชิด กลุ่ม นปก. และสื่อพีทีวี คือ นอกจากจะมีพฤติกรรมขายชาติ ละเลยการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ และสังคมแล้ว ยังปล่อยให้มีการกล่าวจาบจ้วง ดูหมิ่น สถาบันพระมหากษัตริย์ และ องคมนตรี อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าประเทศไทย จะมีสถาบันทหาร แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเป็นที่สงสัยว่าทหารเองเกือบครึ่งหนึ่ง ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของระบอบทักษิณเช่นกัน

     ท่ามกลางความเลวร้ายของบ้านเมือง ดูเหมือนจะมองไม่เห็นหนทางเลย แต่ประเทศไทยยังมีผู้กล้า เทวดายังมีตา

     กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ภายใต้แกนนำ 5 คน คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และผู้ประสานงาน นายสุริยะใส กตะศิลา จึงได้ออกมาร่วมกัน คัดค้าน ขุดคุ้ย ความชั่วเลว ของระบอบทักษิณ ที่ถูกซุกซ่อนไว้ ให้เป็นที่เปิดเผย แก่สาธารณชน โดยอาศัยสื่อโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียม ASTV เพียงช่องทางเดียว

     รัฐบาลหุ่นเชิดคิดจะทำอะไร ในทางชั่วร้าย ไม่อาจหลุดรอดสายตา ของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปได้ ซึ่งได้สร้างแรงกดดัน ในทุกวิถีทาง เพื่อปกป้องมิให้รัฐบาล ใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ด้วยเหตุนี้ ย่อมสร้างความเจ็บแค้น ให้แก่กลุ่มคนในระบอบทักษิณ เป็นอย่างยิ่ง เป็นเหตุให้เกิด การกลั่นแกล้ง การชุมนุมประท้วง และฟ้องร้องเอาผิด แก่แกนนำอย่างไม่เป็นธรรม

     บัดนี้ เข็มนาฬิกาของประเทศไทย ได้เดินทางมาถึงจุดศูนย์สุด ของการตัดสินใจแล้ว ว่าจะเลือกข้างใด เพราะมันเกิดความชัดเจนแล้วอย่างสุดขั้ว ระหว่าง ความดี กับ ความเลว หรือ คนเลว กับคนดี

     คนดี ย่อมสร้างระบบดี คนเลว ย่อมสร้างระบบเลว ระบบดี จะส่งเสริมให้คนดีได้ทำดีง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะป้องปรามคนเลว ให้ทำเลวได้ยากขึ้น ในทางกลับกัน ระบบเลว ย่อมเปิดโอกาส ให้คนเลวได้ทำเลวสะดวกขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็จะกีดกันคนดี ให้ทำดีได้ยากขึ้น

     การวางตัวเป็น "กลาง" แบบโง่ๆ คือ ไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น คนดี ก็ไม่เอา คนชั่ว ก็ไม่เอา กลางแบบนี้ เป็นอันตรายกับประเทศไทย ในยามคับขัน และเป็นคนไร้ประโยชน์ และเป็นหนี้ เพราะ ทรัพยากรแสงแดด อากาศ น้ำ ผืนดิน มีไว้สำหรับคนทุกคน ไม่ใช่ใครๆ จะหอบหวง กอบโกยเพื่อตัวเอง ในเมื่อ คนผู้อ้างความเป็นกลาง เฉกเช่น "ริบบิ้นขาว" เห็นอยู่ตำตา ว่ามีคนโกงกินบ้านเมือง มีการรังแกคนดี แต่กลับนิ่งเฉย เอาตัวรอด อย่างนี้จะให้เรียกว่าอะไร ถ้าไม่เรียกว่า เป็นกลางแบบสมองลา ปัญญาควาย

     ณ เวลานี้ ประเทศไปไม่รอดแน่ๆ ถ้าไม่ส่งเสริมคนดีให้มีอำนาจ และ กีดกันคนชั่วให้ออกไป ….. บัดนี้ สังคมไทย ไม่ได้ขาดแคลนคนเก่ง แต่คนดีท้อแท้ และขาดแคลนคนกล้า หากเปรียบ "คนดี" เหมือน "ข้าว" และ "คนเลว" เหมือน "ขี้" และ เราก็หิวแล้ว หากไม่ได้กินอาหารก็ต้องตายแน่ๆ

     อยากจะถาม ไปยัง "ผู้รักความเป็นกลาง" ทั้งหลายว่า ระหว่าง “ข้าว” กับ “ขี้” คุณจะเลือกกินอะไรดี? หรือคุณจะยอมอดจนซีดขาวตายไปเอง

     ภารกิจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณเท่านั้น แต่ยังต้องสู้รบกับระบบทุนข้ามชาติ และลัทธิล่าอาณานิคมใหม่ ตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุด ในเวลานี้คือ กรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งผู้นำกัมพูชา และผู้นำไทย ต่างก็เป็นเพียงหุ่นเชิดให ้แก่นายทุนข้ามชาติด้วยกันทั้งสิ้น เล่นบทบาทลวงตา ประชาชน ใช้อำนาจและอภิสิทธิ์เยี่ยงโจร เอาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ ของประชาชน ไปแลกเปลี่ยนให้ระบบทุนข้ามชาติ เข้าไปทำธุรกิจ กอบโกยผลประโยชน์ เพื่อประเทศแม่ แล้วถ่ายทิ้งซากเดนของมลพิษ หนี้สิน และปัญหาต่างๆ ไว้ให้เป็นภาระแก่ประชาชนในประเทศนั้นๆ

     คุณควรจะทำอะไรสักอย่าง..... หรือจะปล่อยให้เป็นภาระของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ฝ่ายเดียวเท่านั้นหรือ คุณควรจะทำอะไรสักอย่าง..... เพื่อรักษาบ้านเมืองนี้ให้ดีขึ้น เพื่อตัวคุณเอง ครอบครัว และ คนอื่นๆ และ เพื่อพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักของเรา.

     ประชาชนรักพระเจ้าอยู่หัว เพราะพระเจ้าอยู่หัว ทำเพื่อประชาชน.

     ประชาชนเกลียดระบอบทักษิณ เพราะระบอบทักษิณเบียดเบียนประโยชน์ ของประชาชน เอาไปเป็นของตัวเอง.

     การเมืองใหม่ เพื่อในหลวง (NEW POLITICS FOR MARJESTY THE KING)

หมายเหตุ

10 เหตุผล - ระบอบทักษิณสิ้นความชอบธรรม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย *

     1. ขายประเทศ โกงภาษี และหลบเลี่ยงกฎหมาย กรณีการขายกลุ่มบริษัทชิน - การขายบริษัทชินคอร์ปซึ่งครอบครองดาวเทียมจำนวน 4 ดวง สถานีโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ และบริษัทสายการบินต้นทุนต่ำ มูลค่า 73,000 ล้านบาท แก่กองทุนเทมาเส็กซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลสิงคโปร์ เป็นการขายกิจการสัมปทานของชาติ ที่ส่งผลกระทบโดยตรง ต่อความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลลุแก่อำนาจโดยแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการขายหุ้นให้ต่างชาติได้เกิน 25% เพียงวันเดียวก่อนทำการขาย เห็นดีเห็นงามกับการตั้งบริษัทบังหน้า เพื่อให้ต่างชาติถือครองหุ้นส่วนใหญ่โดยผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย อีกทั้งหาช่องโหว่ไม่ต้องเสียภาษีการซื้อขายแม้แต่สักบาทเดียว ผู้นำประเทศกลายเป็นแบบอย่างให้เกิดพฤติกรรมโกงภาษี และเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามายึดครองกิจการสำคัญๆของประเทศ

     2. เอาชีวิตของเกษตรกร การเข้าถึงยาและได้รับการรักษาของคนไทยทุกคน แลกกับผลประโยชน์ของบริษัทครอบครัว และกลุ่มธุรกิจที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลกรณีการทำเอฟทีเอ การลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับจีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สร้างผลกระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกผัก ผลไม้เมืองหนาว และ เกษตรกรที่เลี้ยงโคเนื้อโคนม รวมกันกว่า 5 ล้านคน การเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอกับสหรัฐ จะส่งผลกระทบรุนแรงกว่านั้นหลายเท่า เพราะต้องเปิดเสรีการลงทุน กิจการขนาดเล็กของคนไทย ไม่สามารถแข่งขันได้ ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พันธุ์พืชถูกจดสิทธิบัตร ทรัพยากรธรรมชาติถูกครอบครอง ระบบหลักประกันสุขภาพทุกระบบได้รับผลกระทบ และ ประชาชนไทยต้องซื้อยาในราคาแพง นักลงทุนต่างชาติได้สิทธิฟ้องร้องรัฐ ยอมรับกลไกอนุญาโตตุลาการ ระหว่างประเทศ แทนการขึ้นศาลไทย แลกกับผลประโยชน์ ของกลุ่มกิจการโทรคมนาคมของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มบริษัทรถยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ และ อุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งล้วนแล้วแต่ใกล้ชิดกับรัฐบาล ทั้งนี้ไม่นับการแก้ไขกฎหมายภายในหลายฉบับ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

     3. การแทรกแซงองค์กรอิสระ และการทำลายกลไกการตรวจสอบ - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ใช้อำนาจทางการเมือง และอำนาจเงินครอบงำวุฒิสภา แทรกแซงกระบวนการสรรหา การได้มา และ การทำงานขององค์กรอิสระต่างๆ เช่น คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลไก และกระบวนการตรวจสอบ ตามรัฐธรรมนูญ ถูกทำลายลงแทบหมดสิ้น แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่อาจเป็นที่พึ่งได้ ดังที่ได้ปฏิเสธ ที่จะพิจารณากรณีการซุกหุ้นภาค 2 ของนายกรัฐมนตรี จากการเสนอของ สมาชิกวุฒิสภา 27 คนเมื่อเร็วๆนี้ การขาดกลไก การตรวจสอบทำให้อำนาจการบริหาร อยู่ในมือของผู้นำอย่างเบ็ดเสร็จ เกิดการคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร และ เปิดทางให้ตระกูลชินวัตร และ บริวารสืบทอดอำนาจ ในการบริหารประเทศเยี่ยงทรราช

     4. การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อประโยชน์พวกพ้อง และบริษัทต่างชาติ - เมื่อมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยการเปิดขายหุ้นการปิโตรเลียม แห่งประเทศไทย(ปตท.) นั้น หุ้นทั้งหมดถูกขายเกลี้ยงในเวลาเพียง 1 นาที 17 วินาที หุ้นส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของนักการเมือง พรรคไทยรักไทย และเครือญาติ มีการใช้อำนาจรัฐขยายสัดส่วน การถือหุ้น ของเอกชนจาก 25 % เป็น 49% และ กำหนดอัตราราคาแกส ที่ขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ในราคาที่สูง ดันให้ผลกำไรของ ปตท.ในปี 2548 สูงถึงกว่า 80,000 ล้านบาท ผลประโยชน์ดังกล่าว ถูกแจกจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น และบริษัทต่างชาติ รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ยังเดินหน้า แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดยการขายเลหลังราคาถูกในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ประเทศชาต ิเสียหายมากกว่า 3.3 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังคงกุม การผูกขาดและไม่มีกลไกการกำกับดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ประชาชนต้อง เสียค่าไฟฟ้าในราคาแพงเพียง เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มทุนในรัฐบาลและบริษัทต่างชาติในสิงคโปร์ ทั้งนี้ไม่นับแผน การแปรรูปองค์การเภสัชกรรม องค์การสื่อสารมวลชน แห่งประเทศไทย (อสมท.) เป็นต้น

     5. การยึดครองและควบคุมสื่อ กรณีไอทีวี มติชน และคุกคามการทำงานของสื่อมวลชน นักกิจกรรมทางสังคม - บริษัทของครอบครัวนายกรัฐมนตรีได้เข้าซื้อกิจการ ของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีซึ่งเป็นดอกผล การต่อสู้ของประชาชนในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 ใช้อำนาจรัฐลดภาษีสัมปทาน เปลี่ยนกฎเกณฑ์ให ้เพิ่มสัดส่วนรายการบันเทิง กลุ่มธุรกิจที่ใกล้ชิดยังได้พยายามเข้าไปยึดครอง กิจการของ หนังสือพิมพ์มติชน และเข้าไปถือครองในกิจการสื่อต่างๆ มีการใช้งบประมาณ ของรัฐและงบประชาสัมพันธ์ ของธุรกิจที่ใกล้ชิดกับ รัฐบาล เพื่อควบคุมสื่อมวลชน สื่อมวลชน และ นักกิจกรรมที่หาญกล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายนับพันล้านบาท เสรีภาพในการ เสนอข่าวสารของสื่อมวลชนไทย ภายใต้ระบอบทักษิณตกต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา

     6. การละเมิดสิทธิมนุษยชน การหายตัวไป ของทนายสมชาย และความรุนแรงของปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ - นับตั้งแต่ปี 2477-2546 มีผู้ที่ถูกตัดสินลงโทษ ให้ประหารชีวิตเพียง 323 เท่านั้น แต่ช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2545 ซึ่งรัฐบาล มีนโยบายปราบปราม ยาเสพติดอย่างเข้มงวดนั้น มีผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดียาเสพติดถูกฆ่าตาย กว่า 2,000 ราย การใช้การปราบปรามแบบเหวี่ยงแห และการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีการหายตัวของทนายสมชาย นีละไพจิตร การกระทำการอย่างทารุณ กับผู้ชุมนุมในกรณีตากใบ รวมทั้งการส่งทหารไทย ไปยังอิรักตามคำร้องขอของรัฐบาลสหรัฐฯ คือสาเหตุสำคัญ ของการลุกลามของปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต ้ที่เกิดจากระบอบทักษิณ

     7. การตั้งรัฐอิสระ เปิดเสรีโดยลดทอนกฎหมายภายใน และ ทำลายการปกครองของท้องถิ่น - กรณีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ
พร้อมๆกับการทำเอฟทีเอ และ แปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างเร่งรีบ รัฐบาลชุดนี้ยังได้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้อำนาจฝ่ายบริหาร ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น ให้อำนาจนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุน ในประเทศอย่างไร้ขอบเขต ทั้งด้านอุตสาหกรรม บริการ หรือแม้แต่กิจการบ่อนกาสิโน เพิกถอนสภาพที่สาธารณสมบัติเช่น เขตธรณีสงฆ์ ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติ รวบอำนาจการบริหารจากองค์กรท้องถิ่น เสมือนการจัดตั้งรัฐอิสระที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้ กฎหมายใดๆของประเทศไทย โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำสูงสุดในเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว

     8. ความล้มเหลวของการปฎิรูปการศึกษา ปัญหาการโอนย้ายการศึกษาไปสู่องค์กรส่วนท้องถิ่น - การปฏิรูปการศึกษาไม่มีความคืบหน้าใดๆ มาตรฐานการศึกษาในทุกระดับ ตกต่ำกว่าที่ควรจะเป็น การเปิดเสรีการศึกษาจะทำให้การศึกษากลายเป็นการค้า เป็นการทำลายเป้าหมาย ของการศึกษา และ กีดกั้นประชาชนยากจน ออกไป จากระบบการศึกษาในท้ายที่สุด ปัญหาการโอนย้ายการศึกษา ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือเครื่องชี้ความล้มเหลวของการปฏิรูปการศึกษา โดยการใช้อำนาจรัฐ มากกว่ากระบวนการมีส่วนร่วม และ สะท้อนให้เห็นว่ามิได้มีการสร้าง ความพร้อมให้เกิดขึ้นทั้งต่อสถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตลอด 5 ปีที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในอำนาจ

     9. ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ช่องว่างคนรวยคนจน ความเป็นจริงและผลกระทบ การแจกจ่ายเงินไปสู่ชนบท - เป้าหมายของรัฐบาล คือการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวของตลาดหุ้น โดยไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการลดช่องว่าง ความแตกต่างระหว่างคนร่ำรวยกับคนยากจน หนี้สินครัวเรือน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 103,940 บาท/ครัวเรือน (พ.ศ. 2547) สถิติผู้บริโภคที่เป็นหนี้บัตรเครดิตถือ จำนวนบัตรเครดิตสูงสุด เพิ่มขึ้นจาก 16 ใบเป็น 30 ใบ เงินที่รัฐบาลแจกจ่ายเงินไป ให้ชนบทในรูปกองทุนหมู่บ้านเป็นการนำเงินที่ควรจะเป็นของท้องถิ่น กลับไปให้ท้องถิ่นแค่เพียงเศษเงิน งานวิจัยพบว่ามีการนำเงิน จากกองทุนหมู่บ้านไปซื้อโทรศัพท์มือถือ 400 เครื่องต่อหนึ่งหมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้าน ต้องจ่ายค่าโทรศัพท์เป็นเงินถึง 480,0000 บาท/ปี(ไม่นับค่าซื้อเครื่อง) ต้องเอาเงินนอกระบบมาใช้หนี้กองทุน เอาเงินกองทุนไปใช้หนี้นอกระบบ กลายเป็นวงจรอุบาทว์ของหนี้อมตะ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวย คนจนเพิ่มมากขึ้นทุกที จนอยู่ในระดับเดียวกันกับเม็กซิโก โคลัมเบีย และอาร์เจนตินา ปัญหาทั้งหมดรอวันปะทุเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง

     10. ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาโครงสร้างการจัดการทรัพยากร กรณี พ.ร.บ.ป่าชุมชน และการปฏิรูปที่ดินเพื่อคนยากจน - รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มิได้ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ข้อเรียกร้อง ของประชาชนในการปฏิรูปการจัดการทรัพยากร เช่น การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน การบริหารน้ำโดยท้องถิ่น และการผลักดัน ให้มีการปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนถูกขัดขวางโดยรัฐบาล ในทางตรงข้าม รัฐบาลยังได้สนับสนุนส่งเสริม ให้มีการลงทุนที่ทำลายวิถีชีวิต ของชุมชน เช่น โครงการเหมืองแร่โปแตซ โครงการท่อส่งก๊าซโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ผู้นำชาวบ้าน ที่ต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากร ในท้องถิ่นถูกฆ่ามากกว่า 20 คน รวมทั้งพระสงฆ์นักอนุรักษ์

     การหยุดยั้งระบอบทักษิณ เป็นก้าวสำคัญในการสร้างประชาธิปไตย ที่ประชาชนมีส่วนร่วม พัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นธรรม และจัดสรรทรัพยากร อย่างเท่าเทียม เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
3 มีนาคม 2549

[*ที่มา: สื่อทางเลือกเพื่องานพัฒนา ThaiNGO.org รายงานพิเศษ โดย ทีมงานไทยเอ็นจีโอ. http://www.thaingo.org/cgi-bin/content/content1/show.pl?0311 สืบค้นเมื่อ 22 มี.ค. 49, 11:28 น. ]

24 กรกฎาคม 2551

[กลับไปหน้าสารบัญ บทความ หนังสือเล่ม ร้อยกรอง บทเพลง]

  thinking focus new idea today
คำคม คำคิด แง่คิด ชีวิตดี
 


igood media copyright
 
SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2016 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net