ชุมชน คนคิดดี
igoodmedia.net
HOME |  Articles - Book - Poem - SongAUTHOR | FILM SCHOOL | COMMUNICATION ARTS | MY BLOG  

Blog film school

My Media channel

blog

1 หน้าแรก
2
บทความ
หนังสือเล่ม
ร้อยกรอง เพลง
3
บทภาพยนตร์
ภาพยนตร์สั้น
วีดิโอ มิวสิควีดิโอ
4
วิชาเรียนนิเทศศาสตร์
ตำราเอกสาร
สื่อการเรียน
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

AUTHOR: โดย อาจารย์สู่ดิน ชาวหินฟ้า 
igood mediaบทความ  igood mediaหนังสือเล่ม  igood mediaร้อยกรอง-กวี  igood mediaบทเพลง  igood mediaเวทีความคิด-คำคม  igood mediaละครนอก - เรื่องสั้น

นิทาน เรื่อง โรคร้ายของนายอุทัย

โดย ดิน หิน ฟ้า.
27 มิถุนายน 2559.

.
นายอุทัย เป็นผู้ป่วย โรคมะเร็งระยะเกือบสุดท้าย เขานอนแน่นิ่งอย่างโดดเดี่ยว อยู่ในห้องควบคุมพลังงานและความดัน
.
ประวัติล่าสุด - เป็นเจ้าของโรงพยาบาล ชื่อดัง ปัจจุบัน ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ขั้น 3-4 เขาถูกแช่แข็งอยู่ในตู้ควบคุมพลังงานและความดัน รอการเยียวยารักษา โดยด่วน!
.
ประวัติก่อนหน้านั้น - ตอนที่นายอุทัย ยังมีสุขภาพดีอยู่ เขาชอบเข้าสังคม ทั้งสูบและดื่ม ตามประสาคนชอบสนุก การพนันก็มีบ้าง แต่ความเป็นคนใจกว้าง ระยะหลังทำให้มีหนี้สินรัดตัว สร้างปัญหาให้แก่ตัวเขา และธุรกิจของเขา ผลกำไรได้ไม่พ่อจ่าย ค่าดอกเบี้ย บางวันก็เกิดอาการเครียด
เขาทำธุรกิจหลายอย่าง เป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่ง ทำธุรกิจบันเทิง เป็นเจ้าของโรงเรียน สนามบิน สถานีโทรทัศน์ และอื่นๆ อีกมากมาย เขาปล่อยให้ลูกหลานของเขา เป็นผู้ดูแล โดยกระจายๆ กันไป มากบ้าง น้อยบ้าง ลูกหลานบางคน ก็แอบทำธุรกิจผิดกฏหมาย
.
ก่อนเจ็บป่วย เขาไปซื้อกิจการโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งใกล้จะเจ๊ง มาบริหารเอง และที่นี่เป็นแหล่งพักพิงในช่วงสุดท้ายของชีวิต
.
นายอุทัย มีญาติเยอะมาก และญาติๆ เหล่านั้น ต่างก็หวังจะได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของเขา เขามีญาติหลายฐานะ หลายกลุ่ม หลายฝ่าย ทั้งเข้ากันได้บ้างและเข้ากันไม่ได้บ้าง แต่กลุ่มใหญ่ที่สุด จะแบ่งเป็นสองฝ่าย คือ ญาติฝ่ายเหนือ และญาติฝ่ายใต้ ในระยะหลังๆ พวกญาติทั้งสองฝ่าย มักทะเลาะกันเป็นประจำ ก็คงหนีไม่พ้น เรื่องสมบัติของเขานั่นแหละ อันที่จริง ญาติทั้งสองฝ่าย ก็มีคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป บ้างก็โกงผลประโยชน์ของนายอุทัย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง จับได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งนายอุทัย ก็รู้นิสัยของญาติของตนดี (มันก็มีนิสัย ไม่ต่างจากเขานั่นแหละ คือ รักตัวเอง ชอบสนุก และการพนัน) แต่นายอุทัย ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกญาติๆ เหล่านั้นได้ เพราะต้องพึ่งพาพวกเขา ช่วยดูแลทรัพย์สิน และธุรกิจ และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ธุรกิจของเขา มักไม่ได้รับความเชื่อถือ จากเครือข่ายของเพื่อนๆ ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ
.
ที่โรงพยาบาลของเขา เขามีหมอฝีมือดีหลายคน แต่ละคน ต้องจ่ายค่าจ้าง ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าประชุม ค่าศึกษาดูงานต่างประเทศ และค่าอื่นๆ จิปาถะ ในอัตราที่สูง หมอบางคน ก็ฉวยโอกาสเรียกร้องค่าตอบแทนสูงเกินจริง แต่ถ้านายอุทัยไม่พอใจ พวกหมอเหล่านั้น ก็จะขู่ว่าถ้าไม่จ้างพวกเขา นายอุทัยอาจตายได้
.
ช่วงยี่สิบปีที่สุขภาพของเขาเสื่อมโทรม เขาผ่านการรักษาและบำรุงสุขภาพ จากบรรดาหมอหลายคณะ หลายราย ผลัดเปลี่ยนกัน หมอแต่ละคณะ ก็มีแผนรักษาโรคของเขาแตกต่างกันออกไป
.
อาการเจ็บป่วยของเขา เริ่มจากปวดเมื่อยธรรมดา จากการทำงานหนัก เพื่อเลี้ยงดูลูกหลานบริวาร จำนวนมากมาย หมอชุดแรกๆ มักจะให้ยาแก้ปวดแก่เขา ปวดตรงไหน ก็ให้ยาทาหรือยาฉีดแก้ปวดตรงนั้น เขาก็มีอาการดีขึ้น ทำงานได้มากขึ้น ญาติฝั่งหนึ่่่่งรู้สึกพอใจ แต่อีกฝั่งก็ยังกังขาอยู่ หมอรุ่นต่อมา ก็ใช้แผนรักษาแบบหมอรุ่นก่อนๆ เขาก็ไม่หายขาด และมีทีท่าว่า โรคจะดื้อยา
.
ต่อมา มีคณะหมอคณะหนึ่ง อาสาเข้ามารักษาอาการเจ็บป่วยของนายอุทัย ซึ่งนำทีมโดย หมอหนุ่มวัยคึกคะนอง นามว่า "หมอรัก" หมอรัก เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ไม่ชอบฟังเสียงใคร แม้แต่หมอมือดีในทีม ก็ยังต้องยอมคำตัดสินใจของเขา หมอรักใช้แผนรักษา แบบเดียวกับหมอรุ่นก่อน แต่เพิ่มความเข้มข้น และปริมาณของตัวยา ให้มากขึ้น และบ่อยขึ้น ผลที่ได้รับคือ นายอุทัยรู้สึกแข็งแรงขึ้นมาทันที ทุกๆ ครั้ง ที่เขารู้สึกปวดเมื่อยอ่อนเพลีย หมอรักก็จะให้ยาในปริมาณเพิ่มขึ้น และทำเช่นนั้น ทุกๆ ครั้ง จนนายอุทัย ไม่รู้สึกตัวเลยว่า เขากำลังเสพติดยาของหมอรักเข้าให้แล้ว ซึ่งส่งผลข้างเคียงแก่ร่างกายของเขา ในเวลาต่อมา ทำให้ญาติฝ่ายหนึ่ง ซึ่งรู้สึกกังขาในวิธีรักษาของเหล่าบรรดาหมอๆ เหล่านั้น มาตั้งแต่ต้น ได้รวมตัวกัน สวนใหญ่เป็นญาติฝ่ายใต้ เริ่มมองเห็นโทษภัยของยา และวิธีรักษาของหมอรัก ส่วนญาติฝั่งที่เห็นด้วยกับวิธีของหมอรัก ก็ตั้งแฟนคลับขึ้นสนุนหมอรัก ส่วนใหญ่เป็นญาติฝ่ายเหนือ
.
ญาติฝ่ายใต้ เป็นห่วงว่า อาการป่วยของนายอุทัยอาจจะหนักขึ้น จึงแสดงความเห็นคัดค้าน แผนการรักษาของหมอรัก ซึ่งแน่นอนเหลือเกิน ที่แฟนคลับของหมอรัก ซึ่งเป็นญาติฝ่ายเหนือ กลับรู้สึกพอใจในผลงานของหมอรัก อย่างไม่ลืมหูลืมตา ต่างก็สนับสนุน แผนการรักษาของหมอรักต่อไป
.
หมอรัก เพิ่มแผนรักษาให้ถี่ขึ้น โดยให้ยาบำรุงเป็นจุดๆ ไป ปวดตรงไหน ก็บำบัดตรงนั้น ต้องการเร่งพลังกล้ามเนื้อตรงไหน ก็ให้ยาบำรุงเฉพาะจุด ซึ่งแน่นอน ภาพที่พวกญาติฝ่ายเหนือเห็นก็คือ นายอุทัยรู้สึกดีขึ้น กลับไปทำงานหนักๆ ได้ แต่ทำได้ไม่นาน ก็กลับเจ็บป่วยหนักขึ้นกว่าเก่า ทำให้ญาติฝ่ายใต้ เริ่มไม่พอใจ ในวิธีการรักษา ก็คัดค้านไปยังคณะหมอรักอีกครั้ง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ กลุ่มญาติฝ่ายเหนือ ก็ไปจ้างนักวิชาการ มาแถลงข้อบกพร่องของหมอรัก คราวนี้มีหมอบางส่วน ในคณะของหมอรัก เริ่มเห็นคล้อยตาม ที่ไม่เห็นด้วยก็ลาออกไป ที่กลัวจะตกงาน ก็เออออทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ขออยู่ร่วมงานกับหมอรักต่อไป คราวนี้ หมอรัก ปฏิเสธวิธีการรักษาแบบอื่น ตามคำแนะนำของญาติฝ่ายใต้ อย่างเด็ดขาด
.
ไม่นาน อวัยวะต่างๆ ของนายอุทัย ก็เกิดพิษสะสม ดื้อยาหนักขึ้น ญาติฝ่ายใต้ กับญาติกลุ่มอื่นๆ จึงรวมตัวกัน ขับไล่ไม่ให้ญาติฝ่ายเหนือ เข้าไปยุ่งกับหมอรักอีก ระหว่างที่นายอุทัย หมดสติชั่วคราว ญาติฝ่ายใต้ ก็ปลดหมอรักออกจากโรงพยาบาลไป และไปจ้าง "หมอเบญ" ให้เป็นคณะแพทย์ชุดใหม่
.
คณะของหมอเบญ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ทั้่งจากต่างประเทศและในประเทศ คณะของหมอเบญ ใช้วิธีรักษาด้วยสมุนไพร เพราะรู้ดีกว่า สมุนไพรหลายชนิด สามารถแก้พิษยาแก้ปวด และผลพิษข้างเคียงของยาแก้ปวดและยาบำรุง ของหมอรักได้ ญาติฝ่ายเหนือ รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง จึงเก็บความแค้นไว้ในใจ
.
ผลการรักษา ของหมอเบญ ทำให้นายอุทัย รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนายอุทัยเจ็บป่วยมานานหลายปี จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะทำให้อาการของเขาดีขึ้นโดยทันที ญาติฝ่ายใต้บางคน ก็ควักสตางค์ส่วนตัว รวมกับการเรี่ยไรหาเงิน เพื่อไปซื้อสมุนไพรจากต่างแดน อะไรที่ว่าดีๆ ก็เที่ยวไปซื้อหามา เพื่อจะช่วยกันเยียวยาให้นายอุทัยหายป่วย แต่ดูเหมือนว่า อาการป่วยของนายอุทัยไม่ดีขึ้น เพราะนายอุทัย มักเป็นคนดื้อ ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งหมอ เช่น ให้พักรักษาตัว แต่เขาก็แอบหนีไปเที่ยวบ้าง เล่นพนันบ้าง แอบไปดื่มบ้าง นี่คือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้อาการของเขา ดีๆ หายๆ กลายเป็นต้นเหตุ ให้ญาติฝ่ายเหนือ ใช้เป็นข้ออ้างโจมตี ผลการรักษาของหมอเบญ อีกทั้งกล่าวหาว่า ญาติฝ่ายใต้ ถืออภิสิทธิ์ ตัดสินใจแต่ฝ่ายเดียว ไม่รับฟังความคิดเห็นของญาติฝ่ายอื่นๆ ระหว่างญาติทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน อาการของนายอุทัยก็ทรุดฮวบลงอีก พวกญาติขัดแย้งกันหนักขึ้น ถึงกับลงไม้ลงมือ ใช้อาวุธทุบตีบาดเจ็บกันไป
.
พอนายอุทัยดีขึ้นเล็กน้อย ก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก และโกรธอย่างรุนแรง เขาจึงประกาศว่า ให้ญาติทั้งสองฝ่ายหุบปาก และวางอาวุธ เขาประกาศ ขอเปลี่ยนหมอชุดใหม่ คราวนี้ นายอุทัย เลือกเอาคณะของ "หมอเขียว" มาเป็นหมอรักษา ตัวหมอเขียวเอง เป็นคนร่างใหญ่ สมาร์ท แต่พูดไม่ค่อยไพเราะ ไม่พูดเอาใจใคร หมอเขียว มีหมอฝีมือดีๆ หลายคน อยู่ในทีม ซึ่งถูกเรียกมาใช้ปฏิบัติภารกิจอันสำคัญนี้
.
หมอเขียว เริ่มต้น ด้วยการทำวิจัย หาสาเหตุของความเจ็บป่วย ว่ายาตัวใดเป็นพิษ ตัวใดไม่เป็นพิษ ปรากฏว่า ยาแก้ปวด และยาบำรุง ของหมอรุ่นก่อนๆ นั้น มีพิษสะสมระดับหนึ่ง แต่ยาของหมอรัก นอกจากมีพิษซ่อนอยู่ ยังมีความซับซ้อนในการแก้พิษอีกด้วย ทำให้อวัยบางส่วนดื้อยา ไม่ทำงาน และถ้าเพิ่มตัวยา อาการป่วยก็จะหายไปชั่วคราว และก็จะกลับมาป่วยอีก หรือยาบำรุงให้ไปเท่าใด ก็มักจะไม่พอ เพราะร่างกายของนายอุทัย มักจะขอเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลา ถ้าให้ไม่พอ อวัยวะส่วนนั้น ก็อาจเดี้ยง ไม่ทำงานเอาง่ายๆ ส่วนยาสมุนไพร ของหมอเบญ ก็มีพิษซ่อนอยู่เช่นกัน แต่ไม่ซับซ้อนและไม่ร้ายแรงเท่าของหมอรัก
.
จากผลงานการวิจัย ของคณะหมอเขียว ปรากฏว่า ได้ขึ้นบัญชีดำ ยาแก้ปวด และยาบำรุง ของหมอรัก หลายรายการ ซึ่งรอการพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้ง ว่ามันทำลายอวัยวะส่วนใหนและอย่างไร มันจะถูกประกาศห้ามใช้ และ คณะของหมอรัก จะมีความผิดไปด้วย แต่คณะหมอเขียว ก็ไม่ลืมจะขึ้นบัญชีดำของ ยาสมุนไพรของ คณะหมอเบญเช่นกัน และรอการพิสูจน์โดยละเอียดในลำดับต่อไป
.
ญาติฝ่ายใต้ เห็นว่า หมอเขียว น่าจะเอาอยู่ กับการรักษาอาการป่วยของนายอุทัย จึงพากันซุ่มดูเหตุการณ์ แต่การกระทำของคณะหมอเขียว กลับสร้างความเร่าร้อน และเจ็บแค้นให้แก่ ญาติฝ่ายเหนือ เป็นอย่างมาก พวกเขาคิดว่า ศรัตรูที่แท้จริง ก็คือหมอเขียวนี่เอง ดีละขณะที่พวกญาติฝ่ายใต้ ไม่เข้ามายุ่ง ก็นับว่าเป็นโอกาสเหมาะ ที่จะไม่ต้องมีศรัตรูสองด้าน หัวหน้าของญาติฝ่ายเหนือ จึงคิดแก้แค้น หาทางขับไล่หมอเขียวให้จงได้ พวกเขาวางแผนไว้ว่า จะผลักดันให้ หมอรัก กลับมาเป็นหมอรักษานายอุทัยอีกครั้ง
.
ระหว่างรอการพิสูจน์พิษของยา ที่สะสมอยู่ในร่างกายของนายอุทัย หมอเขียว จึงจำเป็นต้อง ทำการดอง หรือแช่แข็ง ร่างกายของนายอุทัย ไว้ชั่วคราว เมื่อนายอุทัย ถูกแช่แข็ง อวัยวะทุกส่วนหยุดทำงาน ทำให้สมองของเขาสั่งการอะไรไม่ได้เลย การตัดสินใจทางด้านธุรกิจก็ต้องหยุดชะงักลง ทำให้บัญชีทางธุรกรรมของเขา ติดลบเป็นสีแดง ส่งผลกระทบต่อญาติๆ ทุกฝ่าย
.
ญาติฝ่ายเหนือ ไม่เลิกลา คิดวางแผนอย่างแยบผล ด้วยการสร้างกระแสข่าวลือ ผ่านโชเชียลเน็ตเวิร์ค ให้เห็นว่าคณะของหมอเขียว ไม่ยุติธรรม และไม่สมควรจะทำหน้าที่ เป็นหมอรักษานายอุทัย พวกเขาจุดประเด็นการขึ้นบัญชีดำ ของรายการยา โดยกล่าวหาว่า หมอเขียว คิดแก้แค้นเฉพาะญาติฝ่ายเหนือเท่านั้น เพราะในแต่ละวัน จะมีการประกาศ ผลการพิสูจน์พิษยา ของฝ่ายหมอรักเท่านั้น ส่วนฝ่ายของหมอเบญ ไม่เห็นทำอะไรเลย ไม่ประกาศ ไม่แจ้งอะไรออกมาเลย หมอเขียวทำเช่นนี้ ไม่ชอบธรรม
.
มันได้ผล!! ทำให้ญาติๆ ที่อยู่ห่างไกลจากข่าวสาร เริ่มเชื่อในการปั่นกระแสข่าวของ ผู้นำญาติฝ่ายเหนือ
.
ในขณะที่ ร่างของนายอุทัยนอนหลับในตู้แช่แข็งอยู่นั้น ญาติฝ่ายใต้ และฝ่ายอื่นๆ ต่างก็เข้าไปเยี่ยมร่างของนายอุทัย และต่างพากันพูดกระซิบกันเฉพาะในหมู่ญาติๆ ว่า

"ไอ้ตู่กะไอ้เต้น มันเล่นไม่เลิก"
"พี่ก็อย่าไปสนใจมันซิ มันหลอกได้เฉพาะคนโง่ๆ"
"เฮ้ย ประมาทไม่ได้นะ คนโง่ๆ เหล่านั้น เขากำลังลำบาก ไม่มีจะแดกกันอยู่แล้ว"
"รวมถึงพวกเราด้วย" ญาติอีกคน สอดขึ้น
"ก็นั่นแหละ คนมันหิว อะไรๆ ที่มันยื่นเข้าปาก ก็งับเอาไว้ก่อน อะไรที่หยอดใส่หูได้ ก็เชื่อไว้ก่อน"
"เออ จริงดิ ลืมข้อนี้ไป"
"แล้วหมอเขียว เขารู้รึยังเรื่องนี้"
"คงรู้แล้วมั๊ง"

จบภาคแรก
27 มิ.ย.2559

หมายเหตุ
.
*ตัวละคร (charactor)
-นายอุทัย
-หมอรัก
-หมอเบญ
-หมอเขียว
-ญาติฝ่ายเหนือ
-ญาติฝ่ายใต้
.
*ฉาก (mise-en-scene)
-อุปนิสัยของนายอุทัย
-ธุรกรรม ธุรกิจ ของนายอุทัย
-ยาแก้ปวด ยาบำรุง
-ยาสมุนไพร
-การดื้อยา
-บัญชีดำ
-พิษของยา
-การแช่แข็งร่างของนายอุทัย

 

 

 

 

 

 

 

 

  thinking focus new idea today
คำคม คำคิด แง่คิด ชีวิตดี
 


igood media copyright
 SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2016 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net