igood media
หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ

Blog film school

My Media channel

blog

1 หน้าแรก
2
บทความ
หนังสือเล่ม
ร้อยกรอง เพลง
3
บทภาพยนตร์
ภาพยนตร์สั้น
วีดิโอ มิวสิควีดิโอ
4
วิชาเรียน นิเทศศาสตร์
ตำราเอกสาร
สื่อการเรียน
 

 

 

 

บทโครงร่าง (Story outline)
ภาพยนตร์ เรื่อง
ไขความลับ กลับจักรวาล
Seek for Return (2014)

The premise

เกิดอะไรขึ้น กับ ครอบครัวของ นีล และ ยูริ เมื่อในบ้านของพวกเขา มีมนุษย์ต่างดาว สองพี่น้อง ขอร้องให้พวกเขาั ยอมเป็นตัวประกัน ป้องกันตำรวจ บุกล้อมจับ และให้ช่วยเหลือเขา ติดต่อกับยานแม่ เพื่อกลับดวงดาวของตน.

 

Synopsis

รอบห้าปีมานี้ ในเมืองยอคยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เกิดเหตุการรื้อค้น โจรกรรม วัตถุโบราณ ในมิวเซียมบ่อยครั้ง, มันเกิดขึ้นทุกๆ ที่ ทั่วเกาะชวา. ทำให้รัฐบาล ต้องจ้างวิิศวกรชาวดัตช์ มาคอยดูแล และซ่อมบำรุงอยู่ตลอด.

นีล วิศกรหนุ่มใหญ่ พร้อมครอบครัว ยูริ ผู้ภรรยา ซาราห์ ลูกสาว วัย 12 ปี และ ริค ลูกชาย วัย 10 ปี พร้อมพ่อผู้พิการ วอลเทอร์, ได้สิทธิพิเศษ จากรัฐบาล พากันมาอาศัย ในคฤหาสน์โบราณ ในเมืองยอคยาการ์ตา ริมฝั่งแม่น้ำโปรโก. พวกเขาต้องประสบปัญหา เมื่อ โอเวน และ เฮเลน เป็นมนุษย์ต่างดาว ปลอมมาเป็นช่างซ่อมประปา แล้ว มีโอกาสค้นพบ วัตถุแข็งชิ้นหนึ่ง ซึ่งพวกเขา ออกตามค้นหา มาเป็นเวลากว่า สองพันปี. และพวกเขา ตกเป็นเป้าการตามล่าของตำรวจ เมื่อได้เบาะแสว่า นักโจรกรรม ได้มาแอบซ่อนตัวอยู่ในบ้านของ นีล. นั่นคือสาเหตุ ที่โอเวนและเฮเลน ต้องบอกความจริง เกี่ยวกับฐานะของพวกเขา แก่เจ้าของบ้าน ทั้งสองต้องอาศัยความไว้วางใจ จากคนในบ้าน ให้ยื้อเวลาตำรวจไว้ ขณะที่เขาสองคน พยายามติดต่อกับยานแม่ ให้มารับ.

 

Plot Structure

องก์-1

 

ณ ห้วงอวกาศอันไกลโพ้น

เกิดระเบิดครั้งใหญ่ จากการพุ่งชนกันของ กลุ่มก้อนสสารมืด (dark matter) กับหลุมดำ (black hole) ขนาดใหญ่ ในห้วงอวกาศ ที่บริเวณชายขอบ ของกาแลกซี่ทางช้างเผือก ก่อให้เกิดการระเบิดของสสารมืดอย่างรุนแรง ระดับซูปเปอร์โนวา ปลดปล่อยรังสีคอสมิก แผ่ออกไปทั่วจักรวาล ในระยะ 10,000 ปีแสง ส่งผลกระทบต่อกลุ่มวัตถุประหลาด ที่โคจรผ่านมาใกล้โลก ทำให้วัตถุเหล่านั้น โคจรแตกกระจายกันออกไป อย่างไร้ทิศทาง หากกลุ่มเทหวัตถุเหล่านั้น เป็นยานอวกาศของพวกเอเลี่ยน รังสีคอสมิก อาจเป็นสาเหตุใหญ่ ที่ทำให้พวกเขา ขาดการติดต่อจากกันโดยสิ้นเชิง พวกเขารู้ดีว่า ต้องให้พลังงานของรังสี ผ่านพ้นไปก่อน การสื่อสารติดต่อกัน จึงจะกลับคืนมาได้ดังเดิม ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน.

 

ประเทศอินโดนีเซีย ปี 770

ปี พ.ศ.1313 (ค.ศ.770) บนเนินเตี้ยๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ราวหนึ่งตารางกิโลเมตร มันผุดขึ้นบนใจกลางป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งมองเห็นแนวเทือกภูเขาไฟ เมราปี อยู่ด้านหลัง ซึ่งชนพื้นเมืองที่นั่นเรียกว่า บูดูร์ (ใกล้กับเมือง ยอคยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในปัจจุบัน).

คณะสำรวจป่าจากนครหลวง คณะหนึ่ง ราว 20 คน เดินป่ามาถึงที่นั่น และตั้งแคมป์พัก อยู่บริเวณขอบเนินดินนั้น พวกเขาเห็นปรากฏการณ์ประหลาด ลำแสงสีขาว พุ่งตรงจากฟ้าลงมา ที่ใจกลางเนินดินบูดูร์ เมื่อลำแสงนั้น สัมผัสกับผิวหน้าดิน ก็บังเกิดเสียงระเบิด ดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือนราวกับภูเขาไฟระเบิด ก้อนหินก้อนดิน พุ่งกระจัดกระจาย ออกไปทุกทิศทาง ทำให้คณะเดินทางต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด มีราวห้าคน ที่ถูกสะเก็ดก้อนหินกระเด็นใส่ แต่ผู้เฒ่าผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเดินป่า ยังคงซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ เขามองเห็นประกายไฟฟ้า พุ่งออกจากบริเวณ ที่มีสิ่งหนึ่งตกลงมา มันพุ่งออกไปทุกทิศทาง พร้อมกับเงาของสิ่งมีชีวิต และหายเข้าไปในป่า

ผู้เฒ่าในสภาพอิดโรย อดนอนมาหลายคืน มีชีวิตรอด เล่าปรากฏการณ์นั้น ให้แก่เจ้าผู้ครองนคร แห่งราชวงศ์ไศเลนทรา (Sailendras). ต่อมาเจ้าผู้ครองนคร ได้เสด็จไปยังสถานที่เกิดเหตุที่ บูดูร์ ก็ปรากฏกลุ่มก้อนหินมากมาย กองสุมบนใจกลางเนินดิน ราวกับว่าก่อนหน้านี้ มีการรื้อถอนบางสิ่งออกไป จนไม่ปรากฏร่องรอยวัตถุใดๆ หลงเหลืออยู่ สร้างความประหลาดใจ ให้แก่เจ้าผู้ครองนคร และพระองค์คิดดำริบางสิ่งไว้ในใจ

 

ปี 1945 เขตอาณานิคมดัตช์ เกาะชวา อินโดนีเซีย

คฤหาสน์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโปรโก (Kali Progo) ชายเจ้าของบ้าน วัย 70 ปี ข้าหลวงชาวดัตช์ กำลังควบคุมดูแล คนงานขุดอุโมงค์ใต้ดินของบ้าน คนงานขุดค้นพบวัตถุเป็นหินทรงประหลาดสีดำ ขวางทางเดินอุโมงค์ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เขาจึงสั่งให้ทุบออก จนมันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 นิ้ว แต่มันก็ยังมีน้ำหนักมากเท่าหินก้อนใหญ่ ชายเจ้าของบ้าน จึงสั่งระดมให้คนงาน ช่วยกันเข็นเอามันไปเก็บไว้ ในอาคารเก็บของ ซึ่งห่างจากตัวบ้านไปราว 100 เมตร

ปีเดียวกันนั้น อินโดนีเซียประกาศเอกราช เป็นอิสระทั้งจากจักรวรรดิญี่ปุ่น และ เนเธอแลนด์ ทำให้คฤหาสน์หลังนั้น ถูกยึดเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลอินโดนีเซีย และมันได้ถูกขายต่อให้เอกชนในเวลาต่อมา

 

ปี 2014 เขตปกครองพิเศษ ยอคยาการ์ตา (Yogyakarta)
เกาะชวา อินโดนีเซีย

ที่คฤหาสน์ บนฝั่งแม่น้ำโปรโก ตอนเช้าตรู่ ของวันหนึ่ง รถยนต์คันใหญ่ วิ่งมาจอดที่ด้านหน้า นีล (Neel) พาลูกสาว ซาราห์ (Sarah) วัย 12 ปี และ ลูกชายชื่อ ริค (Rik) วัย 10 ปี พร้อมด้วยชายชราพิการเป็นอัมพาต นั่งบนรถเข็น ชื่อ วอลเทอร์ (Wolter) ซึ่งเป็นพ่อของ นีล โดยมี ยูริ (Youri) ผู้เป็นภรรยาของ นีล ออกมารับ และพาเข้าไปในบ้าน

นีล และครอบครัว เป็นฝรั่งชาวเนเธอแลนด์ แต่ได้รับความไว้วางใจ ให้ทำหน้าที่เป็นวิศวกรของรัฐบาล ซึ่งจ้างมาเป็นพิเศษ ให้มีหน้าที่ ดูแลสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตเมืองยอคยาการ์ตา เขาทำงานอยู่ที่นี่นานหลายปี จึงซื้อคฤหาสน์หลังนี้ไว้ และพาภรรยา คือ ยูริ มาอยู่ด้วย ต่อมาเขาได้ปรับปรุงบ้านครั้งใหญ่ ให้พร้อมอยู่ แล้วพาลูกและพ่อมาอยู่ด้วย ... วันนี้ เป็นวันแรก ที่ครอบครัวนี้จะได้อยู่พร้อมหน้ากัน

หลังจาก ไปรับลูกๆ และพ่อ ที่สนามบิน มาบ้านเรียบร้อยแล้ว นีล ต้องออกไปทำงานต่อ ที่ในเมือง เขาสั่งกำชับ พวกลูกๆ อย่าเล่นซน เพราะเพิ่งมาถึง แล้วเขาก็ขับรถออกไป

ที่พิพิธภัณฑ์เคราตัน เมืองยอคยาการ์ตา มีนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชม หนาตากว่าทุกวัน ส่วนหนึ่งเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย มีบรรยายพิเศษด้วย ทำให้วันนี้ มีจำนวนผู้เข้าชมมากมายเป็นพิเศษ และวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ใหม่ ฝ่ายโยธาเข้ามาทำงานสองคน เป็นชายหญิงฝรั่งชาวต่างชาติ

หลังจาก นีลออกจากบ้านไปแล้ว ริค กับ ซาราห์ พากันจัดเก็บข้าวของ เข้าประจำห้องต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ริค กับ ซาราห์ พากันออกไปสำรวจบริเวณบ้าน พวกเขาพบทางเข้าอุโมงค์ที่ห้องใต้ดิน และชวนกันมุดเข้าไปได้นิดหน่อย ด้วยความกลัว จึงพากันออกไปสำรวจที่อื่นต่อไป

ระหว่างทำงานภาคสนาม ข้างมิวเซียม นีล ได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจ วิ่งไล่คนร้าย เขาเห็นหญิงบ้าวัยชราผู้หนึ่ง เดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณนั้น เธอเกือบถูกรถตำรวจชน แต่เขาไม่สนใจ เพราะที่นี่มันเกิดเหตุเช่นนี้อยู่บ่อยๆ หญิงชราบ้าคนนั้น ก็อยู่ที่นั่นเป็นประจำอยู่แล้ว หลังจากนั้น เขาเข้าไปพักกินอาหารบ่าย ที่ห้องอาหาร ปรากฏข่าวจากโทรทัศน์ดาวเทียมว่า มีการโจรกรรมทำลายวัตถุโบราณ เป็นจำนวนมาก ในเวลาใกล้เคียงกัน ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นที่ พม่า ต่อมาก็ที่ กัมพูชา และอินโดนีเซีย ลักษณะและร่องรอย การโจรกรรมทำลาย เหมือนกันในทุกที่ คาดว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกัน

นีล กลับบ้านมาทันกินอาหารค่ำ ก่อนกินข้าว ระหว่างลูกๆ อาบน้ำ และยูริ จัดเตรียมอาหาร เขาอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ตำรวจไม่สามารถจับคนร้าย ที่เข้าไปทำลายของในมีวเซียมได้ ซึ่งก่อนหน้านั้น วัตถุโบราณต่างๆ ในมิวเซียม ก็ถูกทุบทำลายในลักษณะเดียวกัน นีล ก็ได้รับไลน์จากเพื่อนวิศวกร ซึ่งทำหน้าที่ดูแลมีเซียมของอีกเมืองหนึ่ง เล่าถึง พฤติกรรมคนร้าย เหมือนในข่าว เขาส่งภาพมาให้นีลดูด้วย

ระหว่างอาหารค่ำ ริค และ ซาราห์ เล่าให้นีลฟัง ถึงสิ่งที่พวกเขาพบมาในบ้าน นีลจึงจำเป็นต้องบอกสิ่งต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในบ้านให้ลูกได้รู้ โดยเฉพาะอุโมงค์ลับ เขาได้ตั้งกฎไว้ว่าห้ามบุคคลภายนอก รู้เรื่องอุโมงค์เด็ดขาด อุโมงค์จะเป็นทางหนีหรือทางรอดสุดท้าย หากเกิดเหตุไม่ดีในบ้าน นีล ออกความเห็นว่า จะจ้างแม่บ้านและพ่อบ้าน ให้มาช่วยงานในบ้าน ทุกคนเห็นด้วย

รุ่งเช้า นีล ออกไปทำงานตามปกติ ยูริ ขอติดรถไปด้วย จะไปทำธุระที่มิวเซียม และหาซื้อของอื่นๆ ที่จำเป็น เธอสั่งให้ลูกๆ ช่วยดูแลปู่ และดูแลบ้าน อีกไม่นานจะกลับมา

ช่วงที่ วอลเทอร์ หลับและแม่ไม่อยู่บ้าน ซาราห์ รู้สึกว่า น้ำประปาในบ้าน ไหลติดๆ ขัดๆ ซาราห์ ชวนน้องชายออกไปสำรวจบริเวณบ้านต่อ พวกเขาพากันเข้าไป ในอาคารเก็บของเก่า ที่ซ่อนอยู่ในป่าหลังบ้าน ที่นั่นพวกเขาพบก้อนหินรูปร่างประหลาด และมันหนักมาก ผลักก็ไม่ขยับ ทั้งๆ ที่ขนาดของมันก็ดูไม่ใหญ่นัก

ที่มิวเซียม ยูริ ไปรับหนังสือเล่มหนา ภาษาดัช จากผู้อำนวยการมิวเซียม เพื่อให้ยูริช่วยแปลให้ ขากลับ มีโอกาสพบคนสองคน เธอเข้าใจว่าเป็นสามีภรรยากัน ชื่อ โอเวน (Owen) และ เฮเลน (Helen) พวกเขาเล่าว่า ได้อาสามาทำงาน ที่มิวเซียมแห่งนี้ ดูแลด้านโยธา เมื่อยูริรู้ว่า พวกเขาเป็นคนชาติเดียวกัน ก็ยินดี และบ่นว่าที่บ้านกำลังปรับปรุงใหม่ ระบบน้ำยังมีปัญหา เพราะบ้านมันมีอายุมากแล้ว โอเวน เสนอว่าจะให้พวกเขาไปช่วยซ่อมให้หรือไม่ ยูริ ปฏิเสธ

ตอนกลางวัน นีล พา ฮาร์โต (Harto) และ ซีเทีย (Setia) มาที่บ้าน ตอนนั้น ยูริ กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอออกมาต้อนรับ เมื่อแนะนำกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นีล ก็ออกไปทำงานต่อ ฮาร์โต กับ ซีเทีย เป็นสามีภรรยากัน และเป็นชาวพื้นเมืองที่นี่ โชคดีที่พูดภาษาสื่อสารกันได้เป็นอย่างดี

รุ่งเช้า นีล ออกไปทำงานตามปกติ เขายังคงทำงานภาคสนามไม่เสร็จ พอพักเที่ยง นีลเข้าไปกินอาหารที่ร้านที่เคยกินประจำ เขาต้องพบกับหญิงกึ่งดีกึ่งบ้า คนเดิม เธอเป็นชาวพื้นเมืองคนหนึ่ง ซึ่งคนแถวนั้นถือว่า เป็นหญิงบ้าคนหนึ่ง จึงไม่มีคนสนใจ เธอวนเวียนมาคุยกับเขา พูดเพ้อเจ้อเกี่ยวกับ มนุษย์ต่างดาว หญิงบ้าเพ้อว่า มีเอเลี่ยนมาจากต่างดาว มาปะปนอาศัยอยู่ในโลกนานนับพันปีแล้ว พวกเขาสามารถปรับตัว เข้ากับมนุษย์บนโลก พวกเอเลี่ยน อยู่ได้ทุกที่บนโลกใบนี้ และพวกเขาพยายามหาทางกลับบ้าน หญิงบ้า ยังเล่าอีกว่า พวกเขากำลังหาของบางอย่าง นีล เห็นว่าเธอไม่มีพิษสงอะไร ก็ฟังๆ ไป เพราะเป็นเรื่องตลกดี เจ้าของร้าน ต้องมาไล่เธอออกไปจากร้าน เพราะเกรงจะรบกวนแขก

นิล กลับมาถึงบ้านตอนค่ำ หลังอาหารค่ำ เขาบอกกับ ยูริ ว่า เขาจะต้องไปซ่อมงาน ที่เมืองจำลอง (Taman Mini) และ มิวเซียมวายัง (Museum Wayang) ที่จาการ์ตา เพราะได้รับแจ้งว่า ที่นั่นถูกพวกโจรกรรมรื้อค้นอีกแล้ว และต้องค้างที่นั่นคืนหนึ่ง ยูริ บอกว่า ระบบน้ำประปาที่บ้านยังมีปัญหาอยู่ นีล บอกว่า ให้รอเขากลับก่อน นีลไม่ต้องการให้คนอื่น เข้ามายุ่งในบ้านของตน ตอนที่ตนไม่อยู่ ฮาร์โต กับ ซีเทีย เป็นคนดี ซื่อสัตย์ เพราะเขารู้จักสองคนนี้มานาน จึงไว้ใจให้อยู่ในบ้านอย่างอิสระ และจะช่วยงานบ้านทุกอย่าง ในระหว่างที่เขาหายไปคืนหนึ่ง ริค ถามพ่อว่า แล้วเรื่องความลับเกี่ยวกับบ้านล่ะ นิลบอกกับลูกว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามกฎ

 

องค์ 2

ระหว่างทำงานบ้าน ซีเทีย เล่าให้ ยูริ ฟังว่า เธอกับสามี เคยมาทำความสะอาดบ้านหลังนี้ หลายครั้งแล้ว วันนี้ บ้านหลังนี้ดูดีขึ้น แต่น้ำหยุดไหล คงขัดข้องจริงๆ วอลเทอร์ ต้องการน้ำทำความสะอาดร่างกาย ยูริ คงรอให้สามีกลับไม่ได้ เธอจึงโทรไปที่สำนักงานประปาของรัฐ ให้ส่งคนมาช่วยซ่อมให้หน่อย ปรากฏว่า วันนี้เป็นวันหยุด พนักงานส่วนใหญ่ ไม่มาทำงาน แต่พวกเขาจะหาคนมาแทนให้

ขณะที่พวกเด็กๆ กำลังเล่นสนุกกันที่หน้าบ้าน ก็มีรถวิ่งเข้ามาในบ้าน ชายหญิงสองคน เดินลงมาด้วยชุดพนักงานเทศบาล ยูริ ออกมารับ เธอจำได้ว่า พนักงานสองคนนี้ คือ โอเวน และ เฮเลน ซึ่งเคยพบที่มิวเซียมมาก่อน พวกเขาบอกว่า ได้รับการติดต่อ จากเทศบาลให้มาทำงานนี้ ยูริ จึงเชิญเข้าบ้าน และ บอกจุดเสีย ของระบบน้ำในบ้าน

โอเวน กับ เฮเลน เป็นคนมีน้ำใจ ในระหว่างซ่อมท่อประปา เธอเล่าว่าวันนี้เป็นวันหยุด เธออยู่ได้นานเท่าใดก็ได้ และยินดีจะช่วยซ่อมแซมส่วนอื่นๆ ให้ด้วย ยูริ จึงเลี้ยงอาหารพวกเขาเป็นการตอบแทน ริค กับ ซาราห์ ก็ชอบพวกเขาด้วย ระหว่างอาหารกลางวัน ยูริ เพิ่งรู้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ไม่ใช่สามีภรรยากัน อย่างที่เข้าใจมาตั้งแต่แรก พวกเขามาหางานทำที่นี่ เพราะที่นี่ให้งานและให้เงินดีด้วย

ภาคบ่าย โอเวนกับเฮเลน ซ่อมระบบน้ำทั้งหมด จนใช้การได้ดีทุกจุด ราว 15.00 น. เสร็จงานแล้ว ซาราห์ ยังไม่อยากให้พวกเขากลับ จึงพาดูรอบๆ บริเวณบ้าน โอเวน กับ เฮเลน คุยเรื่องราวต่างๆ แลกเปลี่ยนกับพวกเด็กๆ จนเป็นที่สนิทสนมกันดี ระหว่างที่ยูริ กำลังดูแล วอลเทอร์อยู่ ริค พาพวกเขาไปที่ห้องเก็บของหลังบ้าน ทีแรก ซาราห์ ไม่เห็นด้วย แต่ ริค อ้างว่าไม่อยู่ในข้อห้ามที่พ่อสั่งไว้

เมื่อโอเวน และ เฮเลน เห็นหินก้อนนั้น เขารู้สึกแปลกใจ พวกเด็กๆ บอกว่า มันคือก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่วางขวางทางอยู่ มันหนักมาก และพ่อก็ไม่ได้บอกอะไร เกี่ยวกับมันด้วย คงไม่มีความสำคัญอะไร โอเวน จึงอาสาย้ายก้อนหินให้ พวกเด็กๆ ก็ไม่ว่าอะไร เพราะพวกเขาก็สงสัยเช่นกันว่า โอเวน จะมีแรงย้ายก้อนหินได้หรือไม่

เมื่อไปถึงมีวเซียม สิ่งแรกที่ นีล เห็น คือ ร่องรอยการขุดรื้อค้นวัตถุโบราณเหล่านั้น รอยแตก จะเป็นเส้นตรง เหมือนถูกตัดด้วยแสงเลเซอร์ เขาคิดว่า พวกหัวขโมยทั่วไปไม่ทำอย่างนี้แน่

การยกก้อนหินของโอเวน ทำไม่สำเร็จ เฮเลนมาช่วย ก็ไม่ได้ผล เขาขอนุญาตใช้วิธีอื่น พวกเด็กๆ ก็อนุญาต เพราะต้องการจะให้ย้ายอยู่แล้ว โอเวน มองเห็นฆ้อนเหล็กวางอยู่ตรงนั้นพอดี เขาคว้ามันมาทุบไปสี่ห้าครั้ง พวกเด็กๆ กลัวหินกระเด็นใส่ จึงออกไปให้ห่าง ไม่นาน ก้อนหินก็แตกออกเป็นรอยแยกเส้นตรง สองซีก เหมือนถูกเลื่อยด้วยแสงเลเซอร์. ริคและซาราห์ รู้สึกแปลกใจ ที่ภายในก้อนหิน มีวัตถุแข็งสีดำทรงหกเหลี่ยม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ซม.

สายตาของโอเวน ส่องประกายสีเขียวเรืองๆ ออกมา เมื่อเห็นมัน แต่พวกเด็กๆ ไม่ทันสังเกต ผิวของก้อนผลึก ดูเป็นวาวงาม ริค ยื่นมือไปหยิบมัน แต่มันหนักมาก ยกไม่ขึ้นเลย ซาราห์ ก็ยกไม่ขึ้นเหมือนกัน. โอเวน บอกเด็กๆ ว่า เขาอยู่มิวเซียม เคยอ่านหนังสือ เกี่ยวกับวัตถุนอกพิภพ มันอาจจะเป็นก้อนหินอุกกาบาตอะไรสักอย่างก็ได้ มันมีมวลมากกว่าที่สายตาเราเห็น มันจึงมีน้ำหนักมากกว่าก้อนหินทั่วไป หลายร้อยเท่า หรืออาจเป็นพันเท่า

โอเวน ถือวัตถุแข็งเข้ามาในบ้าน ยูริเห็นเข้า รู้สึกไม่พอใจ แอบต่อว่าลูกของเธอ ว่าทำไมพาคนอื่นไปดูรอบๆ บ้าน ริค บอกแม่ว่า ทั้งโอเวนและเฮเลนใจดี ไม่ใช่คนร้ายสักหน่อย ไม่มีอันตรายใดๆ พวกเขายังช่วยย้ายก้อนหินก้อนนั้นให้ด้วย แต่ตอนนี้มันแตกไปแล้ว ซาราห์ ยังบอกแม่อีกว่า หินก้อนนั้น มันคืออุกกาบาต ยูริ เริ่มสงสัยตามที่ลูกบอก แต่ยังไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกไป เพราะตั้งแต่ ซื้อคฤหาสน์หลังนี้มา ก็เห็นมันวางเกะกะอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว ยูริไม่อยากเสียมารยาทกับแขกมากไปกว่านี้ เธอจึงให้โอเวนเอาวัตถุแข็งเข้าบ้าน และเธอลองยกดู ก็รู้สึกว่าหนักมาก เฮเลน อธิบายว่า ตอนมันตกใหม่ๆ มันมีน้ำหนักมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า แต่ตอนนี้มันเบาลงมากแล้ว มันเป็นแรงปฏิกิริยา สวนทางกับแรงโน้มถ่วงของโลก จึงทำให้มันเบา สิ่งที่เฮเลนอธิบาย ทำให้ยูริเริ่มสงสัยแล้วว่า แขกของพวกเขาเป็นใครกันแน่

โอเวน ยกวัตถุแข็ง เดินไปที่เก้าอี้รถเข็นของ วอลเทอร์ แล้วเอามือของวอลเทอร์ สัมผัสกับวัตถุแข็งพร้อมกับมือของเขา สักครู่เกิดแสงสว่างที่มือของโอเวน แสงนั้นออกจากวัตถุแข็ง ส่องไปยังมือของวอลเทอร์ วอลเทอร์ รู้สึกกระตุกทั้งร่าง สร้างความตกใจให้แก่ยูริเป็นอันมาก หาว่าโอเวน ทำร้ายพ่อของเธอ แต่ทันใดนั้น อาการกระตุกของวอลเทอร์ก็หยุดลง เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ขยับแขนขา และลุกขึ้นยืน เดินออกจากเก้าอี้รถเข็น ความดีใจเข้ามาแทนที่

โอเวน จึงเล่าเสริมให้ทุกคนฟังว่า วัตถุแข็งนี่ ไม่ใช่ก้อนเหล็ก หรือก้อนหินธรรมดาที่อยู่บนโลก มันคือก้อนพลังงานสำหรับใช้กับยานอวกาศ ของพวกมนุษย์ต่างดาว มันหลุดและหล่นออกมาจากยานของพวกเขา. ตอนยานของมนุษย์ต่างดาวตก ริค กับ ซาราห์ จึงสรุปว่า พวกเขาคือ เอเลี่ยน. โอเวน กับ เฮเลน ไม่ปฏิเสธ แต่ ยูริ ยังไม่เชื่อ กลับปะติดปะต่อข่าว เหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับการโจรกรรมในมิวเซียม ยูริ รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที อาจเป็นพวกโจร ปลอมตัวมาก็ได้ และบอกให้เด็กอย่าเข้าไปใกล้ แต่โอเวน กับ เฮเลน บอกอย่าวิตกกังวล พวกเขาเป็นคนดี พวกเขาตามหาสิ่งนี้ มาเป็นเวลานาน มากกว่าพันปีแล้ว เมื่อเทียบกับเวลาบนโลก แต่สำหรับพวกเขา รู้สึกเหมือนเหตุการณ์มันผ่านไปแค่สิบปี และเมื่อพบมันแล้ว พวกเขาต้องการจะกลับบ้านด้วยสิ่งนี้

แสงสว่างจากภายนอกบ้านยังสว่างจ้าอยู่ โอเวนต้องการ แสดงแผนที่จักรวาล ถึงสถานที่ที่พวกเขาอยู่ แต่ต้องเป็นห้องมืดๆ สักหน่อย ริค เกือบเผลอลืมบอกไปว่า มีห้องใต้ดิน แต่ ซาราห์ ห้ามไว้ทัน ยูริ พาแขกไปที่ห้องโถงห้องหนึ่ง ซึ่งมิดชิดจากแสงข้างนอก โอเวน แสดงภาพสามมิติโครงสร้างจักรวาล และบอกที่อยู่ของพวกเขา สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทุกคน โอเวน ขอร้องให้ยูริช่วยพวกเขาด้วย ยูริ เห็นว่าพวกเขา ไม่ทำร้ายคน และยังช่วยให้วอลเทอร์หายป่วยได้เลย แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจเท่าใดนัก

พอดีมีโทรศัพท์ มาที่บ้าน เป็นของนีล เขาโทรมาเตือนภรรยาว่า ขอให้ระวังตัวเรื่องภัยจากมนุษย์ต่างดาว เฮเลน ส่งสายตาอ้อนวอนยูริ ยูริจึงบอกกับนีลว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ขอให้นีลรีบกลับบ้านไวๆ คราวนี้ ยูริ ตกลงยินดีช่วยพวกเขา

เมื่อ ยูริ ให้โอกาสพวกเขา โอเวน จึงขนอุปกรณ์ของเขา ขึ้นไปที่ห้องชั้นบนสุดใต้หลังคา ใกล้กลับที่โล่งซึ่งเป็นดาดฟ้าเล็กๆ โดยมี พวกเด็กๆ ช่วย ระหว่างนั้น โอเวน เล่าให้พวกเด็กๆ ฟังว่า ยานของพวกเขา เดินทางด้วยความเร็วเหนือแสง ด้วยพลังงานจากวาร์ป (warp drive) แต่พอเข้ามาในแกแล็กซี่ทางช้างเผือก ก็ถูกกระแสพายุรังสีคอสมิก ทำให้ระบบการติดต่อสื่อสารของพวกเขาล้มเหลว ขาดการติดต่อกับยานลำอื่นๆ แล้วพลัดเข้ามาในวงโคจรของโลก เหตุการณ์เกิดเมื่อกว่าพันปีมาแล้ว พวกเขาจะกลับได้ต่อเมื่อ จะต้องสื่อสารให้ยานแม่รู้ว่า เขาพบก้อนพลังงานแล้ว มันจะถูกใช้เป็นพลังงาน ของยานลำแม่ ตอนขากลับ ถ้าไม่มีมัน ยานของพวกเขา จะไม่กลับมารับ เพราะไม่มีพลังงานพอกลับไปถึงดาวของพวกเขา

ที่ประชุมของตำรวจสากล ร่วมกับกรมตำรวจแห่งจาการ์ตา มีผลสรุปทั้งจากภาพถ่าย จากกล้องวงจรปิด และรูปถ่าย ทำให้พวกเขาทราบตัวคนร้าย ที่เข้าโจรกรรม ที่มิวเซียมหลายแห่ง อย่างแน่ชัดแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งจาการ์ต้า จึงออกคำสั่ง ตามล่าฆาตกร โดยอ้างว่าง นี่เป็นเขตพื้นที่สืบสวนของเขา ตำรวจสากล ยังไม่ต้องมายุ่ง

โอเวน ใช้พลังงานจากวัตถุแข็ง เป็นตัวช่วยในการส่งสัญญาณด้วยแสง เพื่อชี้บอกตำแหน่ง และพวกเขาอยู่ระหว่างรอคำตอบ ซึ่งไม่สามารถกำหนดเวลา ที่แน่นอนได้ว่า เมื่อไร ริค กับ ซาราห์ ยังคงเฝ้าติดตามด้วยความสนใจ ในความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งโอเวน ก็ยินดีจะแนะนำแก่พวกเด็กๆ

บ่ายแก่ๆ ของวันนั้น ขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ดี ก็มีตำรวจมาล้อมบ้านของนีลไว้ ทุกคนในบ้าน ลงมารวมกัน ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง เพื่อมาดูเหตุการณ์ว่า ตำรวจมากันทำไม ตั้งมากมาย พวกตำรวจประกาศว่า โอเวน กับ เฮเลน คือผู้ร้าย ที่ตำรวจกำลังต้องการตัว มาหลบซ่อนตัวในบ้านหลังนี้ ขอให้คนร้ายมอบตัวแต่โดยดี

โอเวน ขอให้ ยูริและพวกเด็กๆ รวมทั้งคนใช้ในบ้านทุกคน ไว้ใจเขา เขากับเฮเลน ไม่ได้เจตนาเป็นคนร้าย เพียงแต่ต้องการค้นหาของสิ่งนี้ ซึ่งอาจซ่อนอยู่ในมิวเซียม หรือในทุกแห่งที่พวกเขาสงสัย จนกระทั่งถูกตำรวจตามล่าว่าเป็นคนร้าย พวกเขาจำเป็นจริงๆ ที่ต้องทำอย่างนั้น เขาทำมานานแล้ว และก็ทำมาหลายเมืองแล้ว ซาราห์ เข้าใจในข้ออ้าง ของโอเวน ซึ่งสอดคล้องกับ ภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ ซึ่งกองมัดรวมกันอยู่ที่พื้น จึงเดินเข้าไปจับมือกับ ทั้งโอเวน และ เฮเลน ให้กำลังใจพวกเขา ในขณะที่ ฮาร์โต และ ซีเทียร์ ยังตกใจอยู่ และไม่แน่ใจ ส่วน ยูริ เข้าใจทุกอย่างดี เธอพยายาม โทรติดต่อกับสามี แต่สายไม่ว่าง ซึ่ง เฮเลน แอบเห็นสิ่งที่ ยูริ ทำ เธอจึงคิดจะทำอะไรสักอย่าง

ข้างนอก ตำรวจยื่นข้อเสนอให้คนร้ายมอบตัว ขณะที่โอเวน ต้องการเวลาเพื่อติดต่อยานแม่ พวกเขาจะไม่ทำอะไรให้เจ้าของบ้านเดือดร้อน เพียงแต่ขออาศัยเวลา รอให้มีคนมารับเขากลับบ้านเท่านั้นเอง นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาต้องการ ยูริ ก็ไม่แน่ใจตนเองเหมือนกันว่า จะเห็นใจพวกเขาหรือจะปฏิเสธพวกเขาดี แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก แม้จะไม่ใช่ตัวประกัน แต่ก็ไม่แตกต่างกัน

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ขณะที่เครื่องส่งสัญญาณของโอเวน ยังทำงานอยู่ ตำรวจปรึกษากันรอให้มืดก่อน ตำรวจต่อรองอีกครั้ง ถ้าคนร้ายไม่ออกมา จะส่งตำรวจเข้าไปจับกุม โอเวน บอกกับยูริว่า เขาจำเป็นต้องอ้างกับตำรวจ เพื่อซื้อเวลาต่อรอง โดยขอให้พวกเขาและทุกคนในบ้าน แกล้งทำเป็นตัวประกัน ทุกคนเห็นใจและตกลง โอเวนจึงบอกตำรวจไปว่า ขอให้ตำรวจเลิกกลับไป เพราะพวกเขามีตัวประกัน จากนั้น โอเวนกับเฮเลน ก็ล็อคประตูเข้าออกของตัวบ้าน ให้แน่นหนา แล้วขึ้นไปข้างบน

เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ยูริ ไม่ต้องการให้สถานการณ์เลวร้าย ดำเนินต่อไปนานกว่านี้ เธอจึงแอบปรึกษากับ ริค และ ซาราห์ว่า จะพาปู่หนีออกไปทางอุโมงค์ลับในตอนค่ำ ตอนที่โอเวนและเฮเลนเผลอ อุโมงค์ลับจะพาคนในบ้าน ไปออกที่ป่าหลังบ้าน แต่ริคกับซาราห์ไม่เห็นด้วย พวกเด็กๆ ไม่อยากจะทิ้งโอเวนไป ยูริว่านั่นมันเป็นคนร้าย แต่พวกเด็กๆ ไม่เชื่อ

พวกเด็กๆ ขัดแย้งกับแม่ โดยออกความเห็นว่า เราควรบอกความจริงเรื่องอุโมงค์ลับ ให้โอเวนหนีไปจะดีกว่า แต่แม่อ้างว่ามันคือกฏที่พ่อสั่งไว้ อุโมงค์ลับนั่น จะไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด นอกจากเจ้าของบ้าน แม้กระทั่ง ฮาร์โต้กับซีเทีย ก็ไม่ให้รู้ ริคกับซาราห์ รู้สึกลังเล ขณะที่ยูริโต้เถียงกับลูกๆ ตำรวจพร้อมอาวุธครบมือ แอบเข้ามาในบ้านได้แล้ว

โอเวน ส่งสัญญาณแสง ซ้ำออกไปอีกครั้ง และรอสัญญาณตอบกลับจากยานแม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะนานเท่าไร ทั้งโอเวน กับ เฮเลน จึงต้องรอเท่านั้น โดยถ่วงเวลารอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โอเวน เก็บผลึกก้อนหินไว้กับตัว เขากับเฮเลนรู้ถึงคุณสมบัติข้อนั้นดี เกี่ยวกับผลึกพลังงานก้อนนี้ ดังนั้น โอเวน จึงต้องเก็บมันไว้กับตัวตลอดเวลา

โอเวน สั่งให้ เฮเลน เฝ้าดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ ของพวกเขา ส่วนเขาจะลงไปดูเหตุการณ์ข้างล่าง

ขณะที่เขาลงไป โอเวน เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย พร้อมอาวุธครบมือ โอเวน บอกว่าอย่ายิง แต่ตำรวจไม่เชื่อ เมื่อยิงออกไป กระสุนถูกดูดหายเข้าไป ในก้อนหินผลึกสีดำ และเกิดแรงปฏิกิริยา ปลดปล่อยพลังงานออกมา แรงนั้นถีบตำรวจกระเด็นไป กระแทกกับข้างฝาตายทันที ตำรวจอีกสองนาย ยิงตอบโต้อีก ก็โดนแรงกระแทกตายอีก ตำรวจที่เหลือจึงล่าถอยออกจากบ้านโดยเร็ว

วัตถุแข็งสีดำเปลี่ยนไป มันเริ่มขยับตัวเองได้และน้ำหนักก็เบาขึ้น

เริ่มดึก อากาศก็ยิ่งหนาว ตำรวจวางแผนว่า ต่อไปจะใช้ความรุนแรงและขั้นเด็ดขาด นีล กลับมาพอดี และต้องการจะเข้าไปในบ้าน แต่ตำรวจกันไม่ให้เข้าไป

หัวหน้าตำรวจสากล เอาข้อมูลภาพถ่ายของคนร้ายออกมาให้นีลดู และตำรวจที่ถอยออกมา ก็ยืนยันว่า คนร้ายอยู่ในบ้านจริงๆ นีล จำเป็นต้องบอกความลับแก่ตำรวจ เรื่องอุโมงค์ลับ และเขาต้องการอาสาเข้าไปในบ้าน เพื่อพาลูกเมียและคนในบ้าน หนีออกมาทางอุโมงค์ แต่ตำรวจปฏิเสธ ให้เหตุผลว่ามันเสี่ยงเกินไป และว่า ถ้าภรรยาและลูกคิดจะหนี พวกเขาคงหนีออกมาได้แล้ว แต่พวกเขาถูกจับเป็นตัวประกัน ตอนนี้ตำรวจก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของคนร้าย ว่าพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ จึงยังอยู่ในบ้าน

หัวหน้าตำรวจ คาดว่าคนร้ายยังไม่รู้เรื่องอุโมงค์ลับ เพราะถ้ามันรู้ มันอาจหนีไปแล้วก็ได้ เขาจึงวางแผน ส่งตำรวจปลอมเป็น โอเวน ลอบเข้าไปในบ้าน ผ่านทางอุโมงค์ลับ พร้อมด้วยตำรวจจู่โจม จำนวน 5 นาย

ภายในบ้าน ฮาร์โต กับ ซีเทีย จัดอาหารให้ทุกคน กินพร้อมกันบนโต๊ะ แต่โอเวน ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ เพราะเขาแอบเห็น ยูริ คุยโทรศัพท์กับคนข้างนอก เขาให้ เฮเลน นั่งกินข้าว และจับตาดูพวกเขา ทำให้บรรยากาศความสัมพันธ์ เริ่มขุ่นมัวขึ้น ส่วนโอเวน ออกไปเดินสำรวจดูให้ทั่วบ้าน เขาจำเป็นต้องตัดสายโทรศัพท์ออก

โอเวน โผล่มาจากห้องใต้ดิน และเข้าไปในห้องอาหาร ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารด้วยความหิวโหย โอเวนบอกว่า เขารู้แล้วว่าในบ้านมีอุโมงค์ลับ ยูริทำหน้าไม่ดี เพราะความลับถูกเปิดเผยแล้ว โอเวน บอกกับทุกคนว่า เพื่อความปลอดภัย เขาตัดสินใจจะปล่อยให้ ริค ซาราห์ และ วอลเทอร์ ออกไปทางอุโมงค์ นอกนั้นต้องอยู่กับเขา จนกว่าจะเสร็จภาระกิจ นี่เป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดแล้ว ยูริ ตอบตกลง แต่เฮเลน แย้งกับพี่ชายว่า ไม่ควรทำเช่นนั้น

จังหวะนั้น โอเวน อีกคนก็โผล่เข้ามาในห้อง ทักทายกับเฮเลน เฮเลน สับสนอยู่ครู่หนึ่ง ว่าโอเวนตัวจริง คือคนไหน

ในที่สุด โอเวน ตัวปลอมไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดไป ฉวยโอกาสชักปืน ยิ่งใส่โอเวนตัวจริง กระสุนถูกดูดเข้าไปในวัตถุแข็ง โอเวนตัวปลอม ถูกพลังจากวัตถุแข็ง กระแทกร่างเละจนไม่มีชิ้นดี ความรุนแรงจากปฏิกิริยาของวัตถุแข็งดูเหมือนว่า มันรุนแรงกว่าครั้งก่อน และน้ำหนักของมันก็เบาขึ้นอีกด้วย จนโอเวนรู้สึกได้ ตำรวจหน่วยจู่โจม ที่ซ่อนตัวตามมาในอุโมงค์ เห็นเหตุการณ์ จึงรายงานความเสียหาย พวกเขาได้รับคำสั่งให้เลิกภารกิจ ถอยกลับออกจากบ้านหลังนั้น

สิ่งที่โอเวน ได้ยินเกี่ยวกับอุโมงค์ลับ เขาคิดว่าถ้าในบ้านนี้มีทางออกของอุโมงค์ลับจริง นีล ซึ่งอยู่ข้างนอก ก็ต้องรู้ว่าทางเข้าออกของอุโมงค์อยู่ตรงไหน เป็นอันตราย ต่อพวกเขา โอเวน จึงเค้นเอาความลับจากพวกเด็กๆ ได้ว่า ทางเข้าอุโมงค์ลับ อยู่ตรงไหนของบ้าน

โอเวน สั่งให้ ฮาร์โต ช่วยจัดการศพ ระหว่างนั้น ผลึกก้อนหินสีดำ เบาเหมือนก้อนกระดาษ จนสามารถโยนลอยตัวได้ ปรากฏแก่สายตาของทุกคน ยูริ รู้สึกเป็นกังวลมากกว่าใครๆ กอดลูกไว้แน่น โอเวนอธิบายว่า ที่มันเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะมันดูดพลังงานที่มากระทำต่อมัน แล้วผันแปร เป็นแรงต้านแรงโน้มถ่วงของโลก

โอเวน สั่งให้เฮเลน ยึดโทรศัพท์ของยูริและของเด็กๆ ไว้ และสั่งให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน อย่าออกไปจากบ้าน คราวนี้ พวกเด็กๆ มองเห็นความดุร้ายของโอเวนกับเฮเลนแล้ว จึงรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น

ตำรวจหน่วยจู่โจม หลังออกมาพ้นจากอุโมงค์ และกลับเข้าฐานพักกองบัญชาการแล้ว พวกเขายืนยัน ให้หัวหน้าตำรวจทราบอีกครั้งว่า อย่ายิงใส่คนร้ายนั่น มันมีพลังลึกลับ รองหัวหน้าตำรวจวางแผนว่า จะยิงระเบิดควันใส่ และบุกเข้าไปจับตัวอีกครั้ง แต่นีล แย้งว่า ทำอย่างนั้นไม่ได้ ตัวประกันจะเป็นอันตราย หัวหน้าตำรวจเห็นด้วยกับนีล

ในระหว่างตำรวจประเมินสถานการณ์ โอเวน กับ เฮเลน ช่วยกันตั้งกล้องวงจรปิดในที่ต่างๆ พร้อมตรวจดูอาวุธ หรือสิ่งที่จะใช้เป็นอาวุธ เมื่อพบก็ทำลายมันเสีย ด้วยอุปกรณ์เลเซอร์ที่อยู่ในมือ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวกันกับที่ใช้ผ่าตัดวัตถุต่างๆ รวมทั้งโลหะ ก้อนหิน

โอเวนกับเฮเลน บอกให้ ริค พาพวกเขาลงไปข้างล่างที่ห้องใต้ดิน ที่ปากอุโมงค์ เขาวางกับระเบิดไว้ที่นั่น เพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจหรือใครๆ ผ่านเข้ามา ยูริรู้เข้า เธอก็วิตกกังวลมากขึ้น เพราะไม่สามารถส่งข่าวออกไปบอกนีลได้เลย ถ้านีลแอบเข้ามาตอนนี้ ก็อาจโดนกับระเบิดได้ จากนั้นก็วางระเบิดไว้ในจุดสำคัญ ที่ประตูใหญ่ เสร็จงานแล้ว โอเวน รู้สึกสบายใจขึ้น ที่สร้างแนวป้องกันจากตำรวจไว้ได้ เขา สั่งให้ เฮเลน เฝ้าตัวประกันทั้งหมดไว้ ส่วนเขาจะขึ้นไปชั้นบน

หัวหน้าตำรวจสากล ตัดสินใจเรียกกำลังเสริมจากกองทัพ และระหว่างนั้น ก็เฝ้ารอดูเหตุการณ์ข้างนอกตัวบ้าน ในระหว่างรอหน่วยจู่โจมพิเศษของทหาร ที่ติดต่อไป

โอเวน ยังคงนั่งเฝ้าดูที่หน้าจอมอนิเตอร์ บนห้องชั้นบน เพื่อดูว่ามีสัญญาณตอบรับเข้ามาหรือยัง คนในบ้านที่นอนรวมกันอยู่ชั้นล่าง ต่างพากันหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย รวมทั้งเฮเลนที่นอนเฝ้าดูพวกเขา ก็เผลอหลับไปด้วย ปล่อยให้ วอลเทอร์ เดินเล็ดรอดออกมาจากบ้าน เขาเดินตรงเข้าไปหากลุ่มตำรวจ นีล รู้สึกดีใจมาก ที่เห็นพ่อออกมาได้โดยบังเอิญ ตำรวจรีบออกไปรับทันที

หัวหน้าหน่วยทหารจู่โจมพิเศษ มาถึงที่ฐาน วางแผนกับตำรวจ เพื่อเข้าไปชิงตัวประกันในบ้านหลังนั้นอีกครั้ง แต่ยังไม่บอกว่าจะเข้าไปอย่างไร เพราะทหารมีแผนอยู่แล้ว และมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า ของตำรวจสากล ทั้งปืน ระเบิด วิทยุสื่อสาร กล้องวิดีโอ และอุปกรณ์ป้องกัน

เสียงเอะอะข้างนอก ทำให้ยูริรู้สึกตัว แอบเห็นพ่อหลุดออกไปจากบ้านได้แล้ว เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นอีกนิด ยูริรวบรวมความกล้า ต้องทำอะไรสักอย่าง แม้ต้องเสี่ยงก็ยอม เพื่อพาลูกๆ ออกไปจากบ้านนี้ให้ได้ ยูริแอบกระซิบแผนกับ ฮาร์โตและซีเทีย

ยูริลอบทำร้ายเฮเลน ด้วยการคว้าไม้เบสบอล ตีที่หัวของเฮเลน แต่เธอไหวตัวเสียก่อน ไม้เบสบอลพลาดไปถูกลำตัว เธอรู้สึกเจ็บมาก ขยับตัวลำบาก ฮาร์โตกับซีเทีย ฉวยโอกาสนั้น ช่วยกันมัดมือเท้าของเธอไว้กับเก้าอี้ และก็ไม่ลืมมัดปากเธอด้วย

โอเวน กำลังสาละวนกับการติดต่อกับยานแม่ ตอนนี้พวกเขาได้รับสัญญาณแล้ว โอเวน ได้ยินเสียงขลุกขลักข้างล่าง แต่ไม่อาจทิ้งภารกิจสื่อสารได้ ยูริ รีบส่งริคกับซาราห์ ออกจากบ้านไปก่อน พร้อม ซีเทีย พวกเขา อาศัยช่องหน้าต่างห้องน้ำ ที่วอลเทอร์ออกไปได้ก่อนหน้านั้น โอเวน ตะโกนเรียก เฮเลน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ โอเวน รู้สึกเป็นกังวน ยูริ กับฮาร์โต ยังหลบซ่อนอยู่ในบ้าน

ที่ทางเข้าหน้าบ้าน ทหารหน่วยจู่โจมพิเศษ 10 นาย กำลังปลดชนวนระเบิด อีก 5 นาย กำลังเข้าทางอุโมงค์ พวกเขาถูกสั่งกำชับทางวิทยุสื่อสาร ห้ามยิงคนร้าย ด้วยกระสุนปืนเด็ดขาด แต่ให้ยิงด้วยลูกดอก

โอเวน เห็นตำรวจกำลังปลดชนวนระเบิดหน้าบ้าน จากกล้องวงจรปิด เขาจึงรีบลงมาจากชั้นบน พบว่า ตัวประกันหนีออกไปสามคน เขาโกรธมาก และยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น ที่เห็นเฮเลนถูกมัด โอเวน เข้าไปจะช่วยเฮเลน แต่ถูกยูริขัดขวางไว้ เขาจึงจำเป็นต้องทำร้าย ยูริ และ ฮาร์โต จนบาดเจ็บ แล้วไปแก้มัดให้เฮเลน ระหว่างนั้น ยูริ ได้สติ ปรากฏว่าขาข้างขวาบาดเจ็บ แต่ก็พอเคลื่อนตัวได้ เธอพยายามลากตัวฮาร์โต หลบไปให้พ้นจากตรงนั้นก่อน โอเวนลังเล ไม่รู้จะทำอะไรก่อน เสียงสัญญาณข้างบนก็ดังขึ้น ขาของเฮเลนข้างหนึ่ง ก็ยังติดอยู่ที่เก้าอี้ เขาตัดสินใจไม่เสียเวลากับตัวประกัน เฮเลน ตะโกนว่าให้รีบไปที่เครื่องรับสัญญาณ ไม่ต้องเป็นห่วงเธอ

ทหารหน่วยจู่โจมพิเศษ 10 นาย เข้ามาในบ้านได้แล้ว อาวุธลูกดอกเตรียมพร้อม ขณะที่อีก 5 นาย กำลังอยู่ในช่วงกลางของอุโมงค์

ระหว่างหลบอยู่ในที่ซ่อน ยูริ แอบเห็นลูกๆ ออกไปพ้นตัวบ้าน ปลอดภัยแล้ว ทหารหน่วยจู่โจมพิเศษ กรูกันเข้ามาทางหน้าบ้าน ยูริ ตะโกนว่าอย่ายิง เพราะคิดว่าพวกเขาจะใช้ปืน เสียงตะโกนของ ยูริ กลับเป็นประโยชน์แก่ เฮเลน เฮเลน รีบหลบไปให้พ้นจากปลายลูกดอกได้อย่างหวุดหวิด

ทหารหน่วยจู่โจมพิเศษ 5 นาย ใต่เข้ามาตามอุโมงค์ ใกล้จะถึงห้องใต้ดิน พวกเขาไม่รู้เลยว่า ระเบิดถูกวางเป็นกับดัก ตรงปลายอุโมงค์ ที่ติดกับห้องใต้ดิน

ลูกดอก ถูกยิงใส่เฮเลนไม่ยั้ง ขณะที่ปืนของเธอ หล่นที่พื้นห่างออกไป เธอตัดสินใจ เหวี่ยงตัวหลบลูกดอก ไปให้ใกล้ปืน มากที่สุด แต่เธอก็ถูกยิงที่ขา ร้องเสียงหลงให้ช่วย

โอเวน ได้ยินเสียงร้องของ เฮเลน เขาเป็นห่วงน้องสาว จึงละจากการตอบรับสัญญาณไว้ชั่วคราว ลงมาช่วยเฮเลนที่ชั้นล่าง

เฮเลน พยายามกระเสือกกระสนไป จนคว้าปืนได้สำเร็จ เธอเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงยิงโต้ตอบเจ้าหน้าที่อย่างไม่ยั้งมือ พร้อมกับตะโกนให้ โอเวนหลบไป เจ้าหน้าที่ตายไป 3 นาย แต่ เฮเลน ก็ถูกรุมยิงโต้อย่างหนัก จนร่างเต็มไปด้วยลูกดอก และสิ้นใจในเวลาไม่นาน น้ำเมือกใสๆ สีชมพูเรืองแสง ไหลซึมออกมาทั่วร่าง โอเวน เสียใจมาก ที่ไม่สามารถช่วยน้องสาวได้ เขาเห็นว่าอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ เขาจึงหนีขึ้นข้างบน

ระหว่างการต่อสู้ชุลมุน ยูริ บอกให้ ฮาร์โต รีบหนีออกไปโดยเร็ว ส่วนเธอรีบวิ่งไปที่ชั้นล่าง ที่ห้องใต้ดิน เพื่อจะไปดักบอก ไม่ให้ใครก็ตาม ที่จะผ่านเข้ามาในตัวบ้าน แล้วถูกกับระเบิด ยูริ เห็นเงาของคน ใกล้เข้ามาที่ปากอุโมงค์ เธอต้องรีบไปให้ถึงก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

ที่จอคอมพิวเตอร์ของโอเวน มีข้อความแสดงการตอบรับแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่วิ่งตามเขาขึ้นมา โอเวน ตัดสินใจ กระโดดจากหน้าต่าง ลงไปข้างล่าง ... เป็นเวลาเดียวกันกับ เสียงระเบิดดังขึ้น จากห้องใต้ดิน มันระเบิดบ้านทั้งหลังจนพังยับ ฝุ่นและเพลิงลุกไหม้ท่วมบ้าน

เสียงตะโกนร้องของนีล กับ ซีเทีย ดังขึ้นอย่างน่าเวทนา เพราะ ยูริกับฮาร์โต ยังติดอยู่ในบ้าน

 

องค์ 3

โอเวน กระเด็นออกไปนอนกลิ้งที่พื้นกลางทุ่งหลังบ้าน เขากำผลึกสีดำไว้แน่น มันเริ่มสั่นไหว

ขณะนั้น มีแสงสว่างวาบเป็นสายบนท้องฟ้า แล้วมาหยุดอยู่เยื้องๆ กับตัวบ้าน มองเห็นวัตถุประหลาดนั้นไม่ชัด เพราะแสงจ้าเกินไป แต่คาดเดารูปทรงได้ มันคล้ายตรีศูร อาวุธของหนุมาน ทั้งเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่เฝ้าดูอยู่ที่ฐาน ต่างตะลึงกับปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เพียงครู่เดียว วัตถุประหลาดนั้น ก็ลอยวาบหายไปบนท้องฟ้า ไม่ทิ้งร่อยรอยอะไรเหลือไว้ให้เป็นข้อพิสูจน์ว่า แท้จริงมันใช่ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ คงมีแต่แสงทอง เริ่มทอแสงจากขอบฟ้า เป็นสัญลักษณ์อรุณรุ่งของวันใหม่

เมื่อกลุ่มหมอกฝุ่น ควันไฟจากการระเบิด เบาบางลง ทุกคนก็มองเห็น ร่างของคนคนหนึ่ง กำลังพยุงตัวเองเดินโซเซออกมา เขาคือ ฮาร์โต้ นั่นเอง ซีเทีย วิ่งเข้าไปรับ นีล รู้สึกดีใจไปด้วย แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่า ยูริ คงไม่รอดแน่นอน ริค กับ ซาราห์ ถามพ่อว่า แม่จะรอดหรือไม่ นีล ไม่ตอบ

หัวหน้าตำรวจสากล และตำรวจผู้ติดตามอีก 2 นาย วิ่งตามคนร้ายมาถึง จุดที่ โอเวน กระโดดหนีออกมา พบแต่รอยเท้า และรอยเมือกเลือด สีชมพู และไม่รู้ว่าเขาหายไป ในทิศทางใด.

 

THE END

 

Copy writer :

ค้นหาความลับ กลับจักรวาล
Seek for Return (2014)

SUDIN CHAOHINFA สู่ดิน ชาวหินฟ้า
dfilm school / www.igoodmedia.net
e-mail – sudin.expert@yahoo.com
phone – (+66) 6 5083 7931
Line ID – 0882919232
date – November 2014

Story Length :

100 sec.

Theme :

การค้นหาทางกลับบ้าน ของมนุษย์ต่างดาว ต้องอาศัย ความไว้วางใจ และการเสียสละ ของมนุษย์ เจ้าของบ้าน.

Log Line :

โอกาสที่ โอเวน และ เฮเลน จะกลับดาวของตน จะต้องได้รับความช่วยเหลือจาก นีล และ ครอบครัว เพื่อให้รอดพ้นจาก การถูกล้อมจับ ของพวกตำรวจ ในขณะที่ติดต่อกับยานแม่ ให้มารับพวกเขา โดยมีก้อนเชื้อเพลิง เป็นกุญแจนำทางกลับ.

Genre :

science fiction

mise–en–scene

character

นีล (Neel)

ชาวเนเธอแลนด์ เป็นวิศวกร อายุ 45 ปี ทำหน้าที่ ดูแลสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตเมืองยอคยาการ์ตา.

ยูริ (Youri)

เป็นภรรยาของ นีล อายุ 40 ปี ทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน คอยดูแล ลูกๆ และ พ่อของสามี ซึ่งพิการ.

ซาราห์ (Sarah)

ลูกสาวของ นีล และ ยูริ อายุ 12 ปี

ริค (Rik)

ลูกชายของ นีล และ ยูริ อายุ 10 ปี

วอลเทอร์ (Wolter)

พ่อของ นีล อายุ 70 ปี. เป็นผู้พิการ ต้องนั่งบนรถเข็น ตลอดเวลา.

โอเวน (Owen) และ เฮเลน (Helen)

พนักงาน ซ่อมบำรุง ดูแลทั่วไป ของมิวเซียมวายัง. ดูภายนอก ทั้งสอง ก็เหมือนมนุษย์ปกติ โอเวน เป็นชาย ส่วน เฮเลน เป็นหญิง รูปร่างหน้าตา เหมือนกันมาก ราวกับเป็นฝาแฝดกัน. พวกเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่พลัดหลงมาอาศัยอยู่บนโลก. พวกเขาต้องปรับตัว ให้เข้ากับภาวะบนโลกให้ได้ เพื่อตามหาก้อนพลังงาน สำหรับยานอวกาศ เดินทางกลับโลกของตน.

ฮาร์โต (Harto) และ ซีเทีย (Setia)

สองสามีภรรยา เป็นแม่บ้าน พ่อบ้าน ดูแลบ้านให้กับ ครอบครัวของ นีล.

 

scene

บุโรพุทโธ (Borobudur)

 

บริเวณที่เรียกว่า บูดูร์ อยู่ใกลเมือง ยอคยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในปัจจุบัน คือ “บุโรพุทโธ” (Borobudur) หรือ บูโรบูดูร์ สร้างจาก หินแอนดีไซต์ (Andesite) โดยราชวงศ์ไศเลนทรา (Sailendras) เมื่อปี พ.ศ.1318 แล้วเสร็จปี พ.ศ.1390 ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 70 ปี. สถานที่ตั้งบุโรพุทโธ อยู่บนเนินดินธรรมชาติ ที่อยู่สูงกว่าระดับพื้นดิน ประมาณ 15 เมตร. ทำให้ บุโรพุทโธ เป็นสถูปแบบพุทธมหายาน ตั้งอยู่บนพีระมิด ทรงขั้นบันได ความสูงจำนวน 10 ชั้น มีความสูงรวม กว่า 42 เมตร.

 

Taman Mini เมืองจำลอง แห่งอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ห่างจากกลางใจเมืองจาการ์ต้า ราว 18 ก.ม. สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1971 เสร็จ ในปี ค.ศ.1975 สถานที่นี้ เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่จำลองบ้านเรือน และศิลปะวัฒนธรรม จาก 27 จังหวัดของอินโดนีเซีย ไว้ด้วยกัน บนเนื้อที่กว่า 250 เอเคอร์.

 

มนุษย์ด่างดาว ไม่น่าจะมีสภาพแบบมนุษย์บนโลก เพราะโลกของเขา มีสภาพทางกาย อากาศ แวดล้อม และเทคโนโลยี ต่างจากเรามาก แต่ที่แน่นอนคือ สภาพที่เป็นที่ว่างกับเวลา (space-time) น่ะ เหมือนกัน ด้วยเหตุผลนี้ อันเป็นสภาพร่วม ที่รับรู้ได้ระหว่างมนุษย์ กับ มนุษย์ต่างดาว ดังนั้น อนุมานได้ว่า ร่างกายของมนุษย์ต่างดาว ต่างจากมนุษย์โลก แต่อาจจะไม่สิ้นเชิง เพราะถ้าพวกเขาปรับสภาพทางกายกายภาพได้ เขาก็อาจเหมือนมนุษย์โลก แต่ สภาพจิต ความคิด เป็นนามธรรม เหมือนกันได้

ร่างของมนุษย์ต่างดาว อาจเป็นก๊าซหรือรังสี ที่คนเรามองไม่เห็น และระบบสื่อสาร ต่างจากเรา คลื่นต่างๆ ต่างกันมาก จึงรับกันไม่ได้ ความลี้ลับ เรื่องคลื่น ยังมีอีกมากมาย ที่มนุษย์ยังค้นไม่พบ (ตอนนี้ เรียกว่า สสารมืด ไปก่อน)

แต่ผมพบมนุษย์ต่างดาวแล้ว มันอยู่บนโลกใบนี้มาตั้งแต่โลกเกิดใหม่ๆ มันกลับบ้านไม่ได้ มันมี 2 เผ่าพันธุ์ ผมเรียกมันว่า มนุษย์โอทู (O2) พวกนี้บริโภคไฮโดรเจน กับ ออกซิเจน เป็นอาหาร กับ มนุษย์อีที (ET - electron extra-terrestrial) พวกนี้บริโภคอิเลกตรอน เป็นอาหาร สองพวกนี้ ไม่ถูกกัน พวกโอทู ไปทางไหน จะทำให้บริเวณนั้นน้ำท่วม (ประเทศไทย หรือที่ไหนๆ บนโลก จะมีมนุษย์โอทู อยู่ที่นั่น) ถ้าพวกอีที ไปที่ไหน ที่นั่นจะเกิดไฟฟ้าดับ หรือไฟฟ้าช็อต

ทั้งสองพวก ต่างค้นหากูญแจที่จะกลับบ้าน บังเอิญ มีนักวิทยาศาสตร์ สร้างเครื่อง ย้อนเวลาและสถานที่ได้ (มีคุณสมบัติเหนือกว่า time-machine เพราะ time machine เปลี่ยนได้แต่เวลา แต่ไม่เปลี่ยนสถานที่) คล้าย วาร์ปไดรฟ์ ได้สำเร็จ โดยมีกุญแจ แต่กุญแจ นั้นถูกซ่อนไว้ นั่นแหละจึงเป็นที่มาของการตามค้นหา กุญแจสำคัญ เพื่อจะเปิดเดินเครื่อง ย้อนไปดวงดาวของพวกมัน

เป็นไปได้ว่า อาจมีมนุษย์ต่างดาว หลายเผ่าพันธุ์ มาอยู่บนโลก ก่อนที่คนเราจะอุบัติขึ้นมาเสียอีก. ทุกวันนี้ พวกเขามีสภาพที่ไม่เป็นสภาพ คือดำรงอยู่ในสภาพใดก็ได้ และอาจอยู่รอบๆตัวเรา โดยที่เราไม่เคยรับรู้หรือสัมผัสได้. มนุษย์ต่างดาว ในภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถปรับร่างกาย ให้เข้ากับภาวะสมดุลของโลก ทั้งแรงโน้มถ่วง ความดันภายในร่างกาย เซล สมอง การรับสัมผัสทางสายตา และการสัมผัส. พวกเขาเป็นสิ่งที่มีชีวิตชั้นสูง ที่พัฒนาไปเป็นสสาร ที่แปรสภาพได้ตามที่ต้องการ.

 

วัตถุแข็งสีดำทรงหกเหลี่ยม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ซม. เป็นชิ้นส่วนของวัตถุแข็งยิ่งยวด ที่ถูกสกัดออกมาจาก ดาวนิวตรอน (ดาวฤกษ์ที่มีขนาดเท่ากับ หรือใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ แต่ดับแล้ว เหลือแต่แกนแข็ง ซึ่งมีมวลมหาศาล คือ 1 ลบ.ซม. มีน้ำหนัก 4-8 ตัน บางดวง อาจหนักถึง 30-60 ตัน). หรือ ดาวแคระดำ (ดาวฤกษ์ที่มีขนาดใหญ่ไม่เกิน 1.4 เท่า ของดวงอาทิตย์ แต่หมดพลังแล้ว จึงหดตัวลง เหลือแต่แกนที่เป็นวัตถุแข็งร้อน ตอนนั้น จะถูกเรียกว่า ดาวแคระขาว แล้วค่อยๆ เย็นตัวลงจนกลายเป็น วัตถุแข็งสีดำ ไร้แสง. ดาวแคระขาว ดาวแคระดำ มีมวลน้อยกว่า ดาวนิวตรอนหลายเท่า) เศษชิ้นส่วนของดาวนิตรอน หรือ ดาวแคระดำ บางดวง ที่ถูกสกัดออกมาได้ ถูกนำไปเป็นเชื้อเพลิง ของยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำ เกินกว่าที่มนุษย์จะรู้จัก. ชิ้นส่วนของดาวนิวตรอน ยิ่งมวลมาก ก็ยิ่งสกัดออกมาได้ยาก.

วัตถุแข็งสีดำทรงหกเหลี่ยม ก้อนนี้ สกัดมาจาก ดาวแคระดำ ดวงหนึ่ง ที่ดับสนิทแล้ว มันเคยเป็นดาวฤกษ์มาก่อน และเป็นบริวาร ของ ดาว Sirius B ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ ดวงที่ 6 ในกาแลคซี่ทางช้างเผือก ถัดจาก ดวงอาทิตย์ของเรา. อยู่ห่างจากโลก เพียง 8.6 ล้านปีแสง. ดาวฤกษ์บริวาร ที่ดับสนิทแล้ว ดวงนี้ จัดเป็นดาวแคระดำ. มีมวลขนาด 1.2 ตัน ต่อ 1 ลบ.ซม. (เทียบกับโลก 5.5 กรัม ต่อ 1 ลบ.ซม. หรือ หนักกว่าโลก 2 แสนเท่า) ขณะนี้ นักดาราศาสตร์ ที่โลก ยังค้นหามันไม่พบ (อันเนื่องจากมันดับแล้ว ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง นั่นเอง) ที่นักดาราศาสตร์ ยังไม่พบมัน (ไม่ว่าจะใช้กล้องโทรทรรศน์ตัวใด ส่องดูก็ตาม) อาจเป็นเพราะความดำของสีผิวของมัน ใกล้เคียงกับ หลุมดำ (black hole).

วัตถุแข็งก้อนนี้ และเป็นแค่เศษส่วน ที่เหลือจากการใช้มาแล้ว. แต่โอเวน คำนวณดูแล้ว มันก็มากพอ ที่จะนำพาเขากลับไปถึงดาวของพวกเขา.

ตอนที่ โอเวน นำไปแสดงให้ยูริดู และวางบนมือของ วอลเทอร์ เขาและเฮเลน ต้องใช้พลังพิเศษ ของพวกเขา ทำให้มันลดน้ำหนักลง ให้มนุษย์โลก จับต้องมันได้.

 

กด | คลิก ... ดูเรื่องอื่นๆ

 

  thinking focus new idea today
igood media
หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ
 


igood media copyright
 
SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2021 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net