igood media
HOME   | Articles - Book - Poem - SongAUTHOR  |  FILM SCHOOL  |  COMMUNICATION ARTS  |  MY BLOG

Blog film school

My Media channel

blog

1 หน้าแรก
2
บทความ
หนังสือเล่ม
ร้อยกรอง เพลง
3
บทภาพยนตร์
ภาพยนตร์สั้น
วีดิโอ มิวสิควีดิโอ
4
วิชาเรียนนิเทศศาสตร์
ตำราเอกสาร
สื่อการเรียน
 

 

 

 

กล่อง กรอบ ประตูกล

"กล่อง - กรอบ - นอกกรอบ" คืออะไร?

ทุกชีวิตที่ก่อเกิด ล้วนมีกล่อง ติดตัวมา คลอดออกมาจากท้องแม่ ก็เหมือนออกจากกล่องใบแรก จากนั้น ก็จะถูกอบรมเลี้ยงดู ให้อยูในกล่องใบที่สอง จนกระทั่งเติบโต พร้อมที่จะออกนอกกล่อง "กล่อง" เป็นเหมือนทุกๆ สิ่ง ตั้งแต่ เป็นที่นอน อาหาร บ้าน โรงเรียน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็ต้องออกจาก กล่องกันทุกคน
สิ่งแวดล้อม ที่ห่อหุ้มตลอดเวลาในช่วงที่เติบโต มีอิทธิพล ร่างกาย สมอง และความคิด ของแต่ละคน ทำให้มีมุมมอง เกี่ยวกับกล่อง แตกต่างกัน

ลักษณะของ กล่อง ที่ว่า อาจคล้ายกับ กล่องกระดาษทึบๆ ก็ได้ หรือ อาจหมายถึง กรอบ ที่เกิดจากเส้นเชือก ที่มีปลายทั้งสองข้าง เชื่อมต่อกัน หรือ อาจเป็นรอยขีดเขียน ให้ปลายเส้นทั้งสอง บรรจบกัน อาจเป็นวงกลม วงรี หรือ ไร้รูปทรง ก็ได้ คราวนี้เรามาดูกันว่า แต่ละคน มองกล่อง ในมุมใด นั่นหมายถึง โลกทัศน์ของตัวของเขา

(1) คน ใน "กล่อง"

ถ้าพูดถึงกล่อง ก็มักจะหมายถึง กล่องทึบ ถ้าเอาคนไปไว้ข้างใน แน่นอนว่า เขาจะถูกตัดขาด จากโลกภายนอก (กล่อง) ไปทันที จะมองไม่เห็นอะไร และ ไม่ได้ยินอะไร ที่อยู่ข้างนอกกล่อง จะรับรู้ ภาพ เสียง เหตุการณ์ ที่อยู่ข้างนอก ผ่าน "จินตนาการ"

คนประเภทนี้ จะอยู่ในโลก ในความคิดของตัวเอง ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า โลกภายนอก เป็นอย่างไร พ่อแม่ ที่เลี้ยงลูกแบบอยู่ในกล่อง ระยะแรก พวกเขาก็มีชีวิตเป็นปกติดี (ตามจินตนาการ หรือ โปรแกรม ที่พ่อแม่วางไว้) แต่ถ้าเขา มีโอกาส รับรู้ สัมผัส สิ่งที่อยู่นอกกล่อง และไม่สามารถออกจากกล่องได้ เขาก็จะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที และหาหนทาง ที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก ทั้งๆ ที่เขาเอง ก็ไม่รู้ว่า จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง โชคดีก็มี โชคร้ายก็เยอะ ชีวิตใน "กล่อง" จึงมีได้ เพียงชั่วขณะ และถ้าเตรียมตัวให้ดี สร้างภูมิคุ้มกัน ให้เข้มแข็งพอ การออกจากกล่อง ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก

(2) คน ใน "กรอบ"

โลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วย เทคโนโลยี และการสื่อสาร ที่คล่องตัวและรวดเร็ว กล่อง หรือ กล่องทึบ ไม่สามารถสกัดกั้น ความคิด และจินตนาการของคนเราได้ แต่สังคมก็ยังมีวิธี ล้อมกรอบคนอยู่ดี นั่นคือ อาจเปลี่ยนกล่องทึบ เป็น กล่องใส แต่มันก็คือ กล่องอยู่ดี กลายเป็นเหตุปัจจัย ให้คนอยากออกจากกล่อง เร็วขึ้น เพราะภาพที่เห็น กลายเป็นสิ่งยั่วยุ ดังนั้น "กรอบ" จึงถูกสร้างขึ้นมา แทนที่กล่อง. บางคน ขีดกรอบ ล้อมรอบ ตัวเองไว้ เหมือนขังตัวเองไว้ข้างใน. บางคน ก็มีคนอื่น สร้างกรอบไว้ให้ เช่น พ่อแม่ เจ้านาย เพื่อน สังคม วัฒนธรรม

คนกลุ่มนี้ สัมผัสโลกภายนอก (นอกกรอบ) ผ่านเสียง ภาพ เท่านั้น อย่างมาก ก็แค่สัมผัสด้วยมือ ผ่านของตัวอย่าง ไม่มีโอกาส ได้ "สัมผัส" ของจริง ที่อยู่ข้างนอก อาจเป็นเพราะ ยังไม่มั่นใจ ที่จะออกไปนอกกรอบ หรือยังไม่ถึงเวลา หรือถึงเวลา แต่ไม่มีโอกาส หรือมีโอกาส แต่สุขภาพ ร่างกาย ไม่พร้อม ครอบครัวคนไทยส่วนใหญ่ มักเลี้ยงดูลูกแบบนี้ และถ้าก้าวข้ามเส้นกั้นได้เมื่อใด เขาก็จะ "เสพ-สัมผัส" สิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน อาจเป็นสิ่งดี หรือเลวร้าย ก็ได้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงหน่อย แต่ก็มีทางแก้รองรับไว้แล้ว เพียงแค่ รักษาตัวให้รอด แล้วกลับเข้าไปอยู่ในกรอบ เหมือนเดิม แต่กรอบ ก็คือ กรอบ มันยังเป็นอุปสรรค ต่อการคิดสร้างสรรค์ และสกัดกั้น การท้าทาย อยู่ดี

(3) คน นอก "กรอบ"

กรอบ ที่ถูกสร้างขึ้น จาก สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อของเผ่าพันธุ์ มักเป็นเส้นเหนียว ยากที่จะตัดขาดได้ง่ายๆ แต่ ก็ยังมีคนพยายามจะ "ฉีก" กรอบ ให้ขาดออกจากกัน เพื่อเขาจะได้ ก้าวไปให้พ้นๆ จากรอบนั้น และจะไม่ย้อนกลับ ไปอยู่ในกรอบอีกแล้ว กลายเป็น คนนอกกรอบ (แต่ถ้า ออกนอกกรอบแล้ว ทำตัวแย่ลง ก็จะกลายเป็น คนนอกคอก)

คนในกลุ่มนี้ มีจำนวนไม่มาก เป็นคนที่ไม่สนใจ กฎ ความเชื่อ หรือ กติกา ของสังคม แต่ก็ไม่ต่อต้าน (ยังเป็นคนดี ของสังคม) กล้า ที่จะทำตามความคิดของตัวเอง (คนกลุ่มนี้ ไม่อ่อนแอ แต่อาจมีความกลัวอยู่บ้าง) มักใช้ชีวิตผ่านการเผชิญโชค ลองผิดลองถูก บางครั้งก็โชคดี ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของกับดัก และรอดมาได้ แต่ก็มักมีของฝาก เป็นบาดแผลทั้งใจ กาย ติดตัวมา เป็นที่ระลึกก็มี

ประตูกล ที่ต้องเจอ "กับดัก - ทางหมารอด - ประตูสวรรค์"

คนในกล่อง และ คนในกรอบ ที่คิดจะออกจากโลกเดิมๆ ของตัวเอง อาจจะต้องเจอกับ ประตูกล ช่องใดช่องหนึ่ง เข้าสักวัน และถ้ารักษาตัวรอด ถอยกลับไปอยู่ในกล่องได้ ก็จะกลายเป็น "วัคซีน" ช่วยสร้างความเข้มแข็ง และภูมิคุ้มกัน เพื่อการใช้ชีวิต นอกกล่อง หรือ นอกกรอบ ในโอกาสต่อไป

แต่สำหรับ คนนอกกรอบ แท้ๆ ก็จะต้องเผชิญกับ ประตูกล ทั้งสามช่อง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่า มีความเสี่ยงสูง กว่าคนสองกลุ่มแรก ถ้าพบประตูสวรรค์ ก็เป็นการเสี่ยงโชคที่คุ้มค่า เหมือนได้โชคชั้นหนึ่ง แต่ถ้าพบ ทางหมารอด นั่นแหละโชคชั้นสอง ซึ่งมักเป็นเรื่องบังเอิญ ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ

นักเผชิญโชค นอกกล่อง และ นอกกรอบ ทุกราย ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยผ่านด่าน กับดัก กันไปได้สักเท่าไร มักตกเป็นเหยื่อของ กับดักเสียส่วนมาก และนั่นคือ นรกชัดๆ

ดังนั้น สามสิ่งต่อไปนี้ เปรียบเหมือน ประตูกล ที่เราจะต้องเผชิญ และต้องเรียนรู้ ที่จะอยู่กับมัน เอาชนะมัน หรือ ยอมแพ้เป็นทาสมัน คือ

หนึ่ง กับดัก
สอง ทางหมารอด
สาม ประตูสวรรค์

กับดัก ข้างใน มีแต่สิ่งชั่วร้าย อันตราย มันจึงปกปิดความชั่่วร้ายของมัน ด้วยการสร้าง "ฉาก" ขึ้นมาปิดบัง ฉากนั้นจะทำให้ดูสวยงาม กว้างใหญ่ ฉาบทาด้วย กลิ่น รส สัมผัส อันน่าลิ้มลอง น่าเข้าใกล้ และน่าเสพสัมผัส ความกว้างใหญ่ อลังการ ของกับดัก มักเป็นที่หลบซ่อน ของสัตว์ร้าย พวก เสือ สิงห์ กระทิง แรด หมาป่า งูพิษ ซึ่งคอยแอบซุ่มดูเหยื่อในที่โล่ง

ผู้คน ที่มีอารมณ์อ่อนไหว ไปกับสังคมโลกออนไลน์ มักถูกพวกคนร้าย ล่อลวงให้ไปติดกับดักเสมอ ยากต่อการระวัง นอกจากนี้ คนร้าย มักแฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆ และนี่คือ กับดัก ที่คนส่วนใหญ่ มองไม่เห็น แต่คนที่รู้ทัน และพยายาม หาวิธี ที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อ และถ้าโชคดี เอาตัวรอดไปได้ นั่นแหละ คือสิ่งที่เรียกว่า "ทางหมารอด"

ทางหมาลอด มันกว้างแค่เอาลำตัวลอดไปได้ เหมือนสุนัขที่หนีเอาตัวรอดไปในช่องแคบๆ มันคือ โอกาส หรือ ช่วงเวลา ที่ไม่มีมาง่ายๆ จึงมักเรียกว่า "โชค" มากกว่า เพราะขณะที่เราพบทางตัน มันก็เป็นทางออกเดียว ที่มีอยู่ แม้จะเล็ก แคบ แต่ก็มีค่ามาก ในยามคับขัน ซึ่งที่จริงแล้ว คนเราไม่ได้โชคดีทุกครั้งไป

น้อยครั้งมาก ที่เราจะมีโอกาสได้สัมผัส ประตูสวรรค์ หนทางไปสู่ความสำเร็จ เพราะ "ประตูสวรรค์" มักจะแคบมากๆ อาจไม่ใหญ่ไปกว่ารูเข็ม ถ้าผ่านไปได้ มันก็คือ ความสำเร็จ แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก เพราะเราจะต้องพบเจออุปสรรค การท้าทาย อีกมากมาย บางครั้งก็ผิดหวัง บางครั้งก็สมหวัง

กล่อง กรอบ ประตูกล คือ บทฝึกหัด ชีวิตดี

คิดจะออกจาก กล่อง ออกได้ทุกเมื่อ แต่ ต้องเลือกเพื่อน เลือกสังคม และเก็บกุญแจกล่องไว้ เผื่อว่า อาจมีบางเวลา ที่เราจะต้องเข้าไปหลบในกล่อง เมื่อต้องเผชิญกับ อุปสรรค-ปัญหา และรู้ตัวว่า สู้มันไม่ได้ บางคราว อาจได้ยินคำว่า "กลับบ้านเถอะลูก" นั่นนับว่า คุณโชคดีแล้ว เพราะบ้าน คือกล่องที่อบอุ่นที่สุด

คิดจะออกจาก กรอบ อย่า "ตัด" เส้นกรอบทิ้ง หรือทำให้กรอบ ฉีกขาด เพราะอาจมีบางเวลา ที่เส้นของกรอบ จะป้องกันภัยให้เราได้ หรือ เป็นเขต "ยับยั้ง" ความประมาท เลินเล่อ ของเราได้ เก็บกรอบไว้ก่อน เผื่อชั่วโมง "เวลานอก" คิดก่อนตัดสินใจ พักกายเมื่อเหนื่อย พักใจเมื่อท้อ บางครั้ง เราจะรู้สึกปลอดภัย ขณะอยู่ในกรอบ ผูกมิตรไว้ให้รอบกาย อารมณ์ชั่ววูบ อาจทำร้ายอนาคต (สะใจตัวเอง แต่ ทุกอย่าง พังพินาศ) การมีเจ้านายเป็นกรอบ เป็นเรื่องดี เพราะลาออกแล้ว ก็ยังมีโอกาส กลับไปทำงานใหม่ได้ อย่าตัดกรอบ ให้เจ้านาย ด่าลับหลัง

เมื่ออยู่นอกกรอบ และ อยู่นอกกล่อง ให้ระวัง "ร่อง" อุบัติเหตุ มันคือ "กับดัก" ต้องรักษาใจ ประคองกาย อย่าให้ไหล ไปเป็นเหยื่อ ให้รีบรู้ตัว เข้าไปหาครู หาผู้รู้ ยึดเหนี่ยวไว้ การมีมิตรดี สหายดี อยู่ในสังคมที่ดี มีโอกาส ได้พบประตูสวรรค์ แต่เราจะผ่านไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ตัวของเราเอง.


21 พฤษภาคม 2560.

[กลับไปหน้า สารบัญ เวทีความคิด]


:ความตาย มิใช่ คำตอบของชีวิต

"ตาย" ไม่ได้หมายถึง การสิ้นสุดของชีวิต (end of life) เพราะ

"ชีวิต" ประกอบด้วย องค์สี่ประการ คือ
(1) ร่ายกาย (body)
(2) จิตใจ (mind)
(3) จิตวิญญาณ (soul)
(4) วิบาก (effect)

การตาย จึงเป็นการเปลี่ยน ร่างกาย กับ จิตใจ เท่านั้น
จิตวิญญาณ และ วิบาก นั้น ยังคงอยู่กับเราไปตลอดกาลนาน
จิตวิญญาณ คือ ความรู้สึก ความรู้ (ทั้งฝ่ายดี และฝ่ายเลว)
วิบาก คือ ผลของการกระทำ ที่มาจาก ความรู้สึก และความรู้ ของแต่ละบุคคล

การเกิดใหม่ จึงเป็น การเรียนรู้ใหม่ อีกรอบหนึ่ง
การตายไป จึงเป็น การสิ้นสุดการเรียนรู้ ในรอบนั้น

การเกิด จึงมีทั้ง การเกิดใหม่ ทางร่างกาย และจิตใจ กับ การเกิดใหม่ ทางวิญญาณ
การเกิดใหม่ทางร่างกายและจิตใจ จึงต้องมีการเริ่มต้น ทบทวน แล้วต่อยอด
การเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณ ต่อยอดได้เลย เพราะอาศัยร่างเดิม ความรู้เดิมที่มีอยู่แล้วในขณะนั้น

พื้นฐานที่สุด ของ สังขารธรรม คือ
1. วัตถุ ไม่มีการกระทำใดๆ จึงไม่มีวิบาก ไม่มีชีวิต มีแต่ "แรง" ที่มีอยู่ในตัว (พลังงานจลน์) และ แรงที่มากระทำต่อมัน (พลังงานศักดิ์)

2. พืช ทำตาม "สิ่งแวดล้อม" มันเคลื่อนไหว ตามการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่แวดล้อม ที่มันยึดเกาะอยู่ แน่นอน พืช จึงไม่มีความรู้สึก ไม่มีจิตใจ ไม่รู้จักเงื่อนไข
กล่าวได้ว่า "พืช เสพพลังงาน ให้อยู่รอด"

3. สัตว์ ทำตาม "เงื่อนไข" เพื่อรักษาชีวิตให้อยู่รอด สัตว์มีแต่ความรู้สึก แต่ไม่มีความรู้ ความรู้ของสัตว์ มีได้แค่ "เงื่อนไข" สัตว์ จึงไม่รู้จักเหตุผล ไม่รู้ดี ไม่รู้ชั่ว ดังนั้น วิบากของสัตว์ จึงต่อเนื่องยาวนาน (วัฏฏะ)
กล่าวได้ว่า "สัตว์ เสพอาหาร เป็นชีวิต" (ถ้าไม่มีอาหาร ก็ไม่มีชีวิต)

4. คน ทำตาม "เหตุผล" ทำตามอำนาจ "กิเลส" ซึ่งอาจเป็นสิ่งขัดแย้งกันเอง เกณฑ์ขัดแยังของคน คือ 'ดี' กับ 'ชั่ว' 'ถูก' กับ 'ผิด' 'จริง' กับ 'เท็จ' และ 'คุณประโยชน์' กับ 'โทษทุกข์' ดังนั้น คน จึงมีนรก มีสวรรค์ มีวิบาก ที่ต่อเนื่องยาวนาน เป็นวังวน (วัฏฏะ)
กล่าวได้ว่า "คน เสพวิบาก เป็นอาหาร"

5. เทพ ทำตาม "ความรู้สึก" ที่ตนเห็นว่าดี เห็นว่าถูก เห็นว่าจริง เห็นว่ามีคุณประโยชน์ ดังนั้น วิบาก ของเทพ จึงมีสวรรค์ เป็นขั้นต่ำ และมี "บุญ" เป็นเป้าหมาย บุญ จึงเป็น วิบากของเหล่าเทพทั้งหลาย
กล่าวได้ว่า "เทพ เสพบุญ เป็นวิบาก"

6. ธรรม ทำตาม "กุศล" ที่ตนมี ตนเป็น ไม่ต้องมีเหตุผล มากำหนดการกระทำใดๆ หรือ ไม่ได้ทำตามอำนาจ หรือ พลังใดอะไร มาคอยบังคับให้ทำ เพราะ กุศล คือที่สุดของ สังขารธรรม ที่ไม่มีกรรม ไม่มีวิบาก เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ และในเอกภพ
กล่าวได้ว่า "ธรรม" เสพกาละ (เวลา) เป็น กุศล" (เป็นผู้อยู่เหนือกาลเวลา)

คุณก็เป็นสังขารธรรมอันหนึ่ง ในเอกภพนี้ การเกิด ตาย จึงมิใช่อำนาจของท่าน ที่ท่านจะตัดสินด้วยตัวของท่านเอง แต่เป็นเพราะสิ่งหนึ่ง ที่ติดตัวท่านมาตลอดกาล และมันก็จะติดตัวท่านตลอดไปอีกเช่นกัน จนกว่า ... จนกว่า ...

บันทึกไว้ เมื่อ 6 ตุลาคม 2557.

อ่านบทความเรื่องอื่น ที่ใกล้เคียง
:เหตุการณ์ในโลกของฟิสิกส์ กับ โลกแห่งจินตภาพ แตกต่างกันอย่างไร
:พฤติกรรมของมวลของสาร (behavior of mass's message in commumication process)
:ศาสตร์แห่งองค์รวม (6-Entanglement of Oneness)
:สังขารธรรม (formative phenomena)

:ความเข้าใจ เรื่องมิติ (dimension) สู่คำอธิบาย ความมีอยู่ของสรรพสิ่งในเอกภพ


สู่ดิน ชาวหินฟ้า
8 ตุลาคม 2557.

[กลับไปหน้า สารบัญ เวทีความคิด]

 
   
  thinking focus new idea today
คำคม คำคิด แง่คิด ชีวิตดี
 


igood media copyright
 
SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2016 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net