ภาคที่ 1 บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ ตอนที่ 19
ทุกคนถือวิสาสะ เข้าไปในตึกลึกลับนั่น ข้างในมืด. สังข์เตรียมจุดไฟ จากหินไฟประดิษฐ์ ที่นำติดตัวมา กับเศษผ้าเก่าๆ, ความชื้น เป็นอุปสรรคในการก่อไฟ แต่ก็ไม่เกินความพยายาม. ก่อนที่ทุกคนจะทนหนาวไม่ไหว, เศษผ้าก็ถูกจุดขึ้น พอให้ความสว่างลางๆ. เอื้อย มองเห็น ตะเกียงเก่าใบหนึ่ง วางอยู่บนหิ้ง ที่อยู่ติดกับเสากลางบ้าน, เธอคว้ามันลงมา รีบเทไขน้ำมันลงไป พอเป็นเชื้อเพลิง และมันก็ถูกจุดขึ้น. แสงตะเกียง ทำให้มองเห็นว่าข้างในมีอะไรบ้าง, อย่างน้อยก็ไม่ต้องเผชิญกับสัตว์มีพิษ ที่อาจหลบซ่อนอยู่ข้างใน.
หลังจากจัดวางสัมภาระแล้ว, จาอู กวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่. มันเป็นตึกเก่าแก่ ที่ถูกทิ้งร้าง หลอดไฟ ปลั๊กไฟ สายไฟฟ้าถูกรื้อทิ้ง, พื้นและผนัง ก่อด้วยอิฐโบราณ ที่มีอายุไม่น้อยกว่าร้อยปี, เพดานค่อนข้างสูง เลอะเกรอะักรัง ด้วยรอยแยกของซีเมนต์, ประตูและหน้าต่าง ทำจากแผ่นไม้ ที่มีอายุใกล้เคียงกับผนังอิฐ ไม่มีผ้าม่าน มองเห็นกระจกช่องแสงได้ถนัด มันดูเก่าแก่ไม่แพ้กัน และเขรอะไปด้วยคราบสนิม.
ใจกลางห้อง มีโต๊ะตัวใหญ่วางอยู่ โชคดีที่ข้างๆ นั่น มีเตี่ยงไม้ตัวใหญ่วางอยู่ มีชั้นวางของอยู่ใกล้ๆ ทำหน้าที่ คั่นพื้นที่ส่วนหน้า สำหรับรับแขก กับส่วนหลัง ที่เป็นราวบันไดเหล็ก ขึ้นไปชั้นบน. ข้าวของในชั้นวาง ดูเป็นของโบราณที่มีค่า มีฝุ่นและหยากไย่เกาะอยู่เล็กน้อย. แสดงว่าบ้านหลังนี้ ถูกทิ้งร้างไว้เมื่อไม่นานมานี่เอง.
ข้างห้องโถง มีเตาผิงไฟ อยู่หนึ่งเตา, เก้าอี้นั่งโทรมๆ สามตัว วางนอนอยู่หน้าเตาผิง. จาอู เดินสำรวจต่อไป จนถึงด้านหลังของห้อง ที่อยู่ไม่ห่างจากบันได สำหรับขึ้นไปชั้นบน. พบตู้ไม้เก่าๆ ใบใหญ่ มันน่าจะเก็บอะไรสักอย่างไว้ข้างใน ที่พอจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง. จาอู เปิดมันออกมาช้าๆ พร้อมกลิ่นอับๆ ลอยโชยออกมา. เขาเดาถูกต้อง ข้างในมีเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ถูกใช้มาแล้วหลายครั้ง วางทับซ้อนกันอย่างระเกะระกะ อยู่ชั้นบนของตู้ ส่วนอีกสองชั้นถัดลงไป เป็นผ้าห่ม ที่นอน.
จาอูเรียกสมาชิกมาช่วยกันดูสิ่งนี้ ทุกคนพอใจ และคิดว่า พวกเขาช่างโชคดี ดีกว่าต้องติดฝนอยู่ข้างนอก. เวลาผ่านไปครู่ใหญ่, ไฟในเตาผิง ถูกก่อขึ้น. ทุกคนมานั่งล้อมวง กินอาหารที่เหลือจากเมื่อวาน, แค่พอประทังความหิวไปก่อน. สังข์ เอื้อย โสนน้อย สวมเสื้อผ้าชุดลำลองตัวใหญ่ มีรอยปะผุเต็มไปหมด และมีกลิ่นเหม็นสาป แต่พวกเขาก็ทนได้ แม้ว่า กลิ่นของมัน จะแรงกว่าเสื้อผ้าของ เคน แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใส่.
โสนน้อย จามเสียงดัง พร้อมกับทำหน้าย่นๆ จมูกยู่ๆ ไม่รู้ว่าเพราะทนกลิ่นนั่นไม่ไหว หรือเพราะสาเหตุอื่นกันแน่.
ทุกคนยังกินไม่อิ่ม พลัน! ก็มีเสียงครางดัง บลวกๆ! ขลุกขลักๆ! เหมือนน้ำไหลออกจากท่อ. ทุกคนหยุดเคี้ยวคำข้าว เสียงนั้นหายไป, สักครู่ ก็ดังขึ้นอีก. มีหยดน้ำหล่นแหมะ ลงมาถูกที่ปลายจมูกของ จาอู, เขาเงยหน้า มองขึ้นไปบนเพดาน มันมีน้ำหยดลงมาจริงๆ.
จาอู มีหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาจำเป็นจะต้องขึ้นไปดู เพื่อให้แน่ใจว่า คืนนี้ เด็กๆ จะปลอดภัย. เขาคว้าตะเกียง ถือไว้ในมือ เดินไปที่บันได. มาลา เดินตามไปอย่างระมัดระวัง. สังข์ คว้ามีดพกติดตัว ตามไปอีกคน, ก็อยากรู้เหมือนกันว่า ข้างบนนั่นมีอะไร, มันจะมาก่อกวน การหลับนอนคืนนี้อีกหรือไม่. คงปล่อยให้ โสนน้อย กับ เอื้อย นั่งอยู่หน้าเตาผิง มี ซู และ อัง อยู่เป็นเพื่อน.
ราวบันไดเหล็ก มันเก่ามาก สนิมเกรอะกรังและชื้น. พวกเขาพากันเดินขึ้นไป ตามแสงไฟ เท่าที่มันส่องไปถึง. เสียงกร็อบแกร็บของพื้นบันได ชวนหวาดเสียว, ไม่รู้ว่ามันจะพังลงตอนไหน. แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี จาอู มาลา สังข์ ยืนเกาะกลุ่ม สำรวจห้องชั้นบน. มันเป็นห้องโถงขนาดไม่ใหญ่นัก.
อะไรกันนี่! คงมีคนเสียสติแน่ๆ ที่ขนเอาขดลวดทองแดงมากมาย มาวางกองสุมกันเป็นขยะไว้บนนี้. รอบกองขดลวด มีแผ่นไม้ ขนาดเท่าบานประตูบานใหญ่ 3 แผ่น วางตั้งฉากกับพื้นห้อง หันด้านหนึ่ง เข้าหากองขดลวด บนหน้ากระดาน มีกระจกเงาหลายขนาด แปะติดซ้อนทับกันจนเด็มด้าน แต่อีกด้านหนึ่งของแผ่นไม้ มีสายไฟเส้นเล็กๆ โผล่ออกมาเต็มไปหมด. มันถูกรวบเป็นเส้นเดียวกัน ขนาดท่อนแขน โยงไปเชื่อมต่อกับแผ่นไม้ อีกสองแผ่น ที่ถูกจัดวางในลักษณะเดียวกัน ในตำแหน่งจุดมุม ของสามเหลี่ยมด้านเท่า.
จาอู มาลา และ สังข์ เดินสำรวจไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง, หน้าต่างสองด้าน ที่อยู่ตรงข้ามกัน ถูกปิดด้วยผ้าม่านเก่าๆ ข้างนอกฝนหยุดตกแล้ว คงเหลือแต่ลมพัดซู่ๆ. จาอู กับ มาลา เดินไปที่หน้าต่างคนละด้าน เลิกผ้าม่านขึ้นดู.
ที่ชั้นล่าง, ฝนหยุดตกแล้ว มีสิ่งหนึ่งข้างนอก เคลื่อนผ่านหน้าต่างไป. ซู หันไปมองเจ้าสิ่งประหลาดนั่น. เสียง ซวบ! แกล่ก! ๆ ๆ ดังขึ้น, เขาหันไปที่หน้าต่างอีกด้านหนึ่งของห้อง ซึ่งเป็นที่มาของเสียง.
เอื้อย ค่อยๆ เอื้อมไปคว้ามีดมาถือไว้. เงาดำๆ และเสียงที่อยู่ข้างนอก เริ่มปรากฏถี่ขึ้น, มันเคลื่อนไหวไม่เร็วนัก ไม่อาจคาดเดาได้ว่า เป็นคนหรือสัตว์. ใบหน้าของมันตัวหนึ่ง เฉียดเข้ามาใกล้หน้าต่าง วูบหนึ่งแล้วหายไป. แสงจากตะเกียง ที่แขวนอยู่ ก็พอคาดเดาขนาดของมันได้. มันสูงพอๆ กับคน คลุมหัวด้วยผ้าดำ ปิดบังใบหน้า. เอื้อย ผงะตกใจ เมื่อเห็นมือของมันตะกายที่หน้าต่างช้าๆ.
ข้างนอกตึก กระแสลมยังแรงอยู่ เกิดสายฟ้าแลบสองสามครั้ง ตามด้วยเสียงฟ้าคำรามเบาๆ. เหตุการณ์ที่ชั้นบน, สังข์ สังเกตว่า สายฟ้าแลบ แปลบปลาบ! มันมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ, แล่นมาจากทุกทิศทาง แล้วมารวมกัน. ประกายไฟฟ้าสีน้ำเงิน ซัดส่ายไปมา รอบๆ ตัวตึก แล่นมาชนกระจกหน้าต่าง แตกกระจาย ปล่อยให้ลมฝนกลุ่มหนึ่ง พัดวูบเข้ามาในห้อง, ม่านหน้าต่าง ปลิวตามแรงลม หลีกให้ละอองฝน ที่กระเซ็นเข้ามา กระเด็นไปถูกขดลวด.
แสงไฟจากตะเกียง ก็ดับวูบลงเพราะแรงลม. ทันใดนั้น! กลไกบางอย่างเริ่มทำงาน เสียงคราง บลวกๆ! ๆ ๆ เหมือนเทน้ำออกจากขวด ดังขึ้น. จาอู รีบจุดไฟขึ้นมาอีกครั้ง. กองขดลวดเริ่มขยับ เหมือนมันมีชีวิต, พวกมันกำลังจัดเรียงตัวเอง. พื้นบ้านเริ่มสั่นไหว, สังข์ จาอู และ มาลา ขยับมารวมกัน เฝ้าสังเกตกองขดลวด รอดูว่า อะไรกันแน่ ที่ซ่อนอยู่ในนั้น. พื้นบ้านถูกเขย่ามากขึ้น ราวกับจะพังบ้านทั้งหลัง.
เสียงประตู ถูกทุบ บ้านทั้งหลังไหวสะเทือน. โสนน้อย เอื้อย และ ซู เขยิบเข้ามาชิดกัน, อาวุธในมือ เตรียมพร้อม.
ขดลวดเคลื่อนไหวไปมา เหมือนฝูงงู เลื้อยรัดพันสิ่งที่อยู่ข้างใน จนเป็นก้อนกลม เสียงบลวกๆ จากข้างในก้อนขดลวด ชัดเจนขึ้น. พื้นห้องก็สั่นสะเทือนมากขึ้น รู้สึกว่า ตึกอาจจะพังในไม่ช้า. ความกลัว ปกคลุมไปทั่วห้อง และบีบคั้นเข้ามาทุกขณะ เกือบทำให้คนทั้งสามสติแตก. มีสิ่งเดียว ที่ทำให้พวกเขา เกาะกลุ่มกันอยู่ได้ คือ ความกล้า. สถานการณ์บีบคั้นเช่นนี้ สังข์ ได้ข้อสรุปสำหรับตัวเอง เพื่อสร้างกำลังใจ สู้กับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ และไม่รู้จัก. กล้าหรือกลัว อยู่ที่ หัวใจ, ชนะหรือแพ้ อยู่ที่ สมอง, ชั่วหรือดี อยู่ที่ ปัญญา.
จาอู ชูตะเกียงให้สูงขึ้น. พลัน! ก็บังเกิดประกายไฟประหลาด สีน้ำเงินเข้มเกือบเป็นสีขาว ค่อยๆ ซัดส่ายออกมาจากกองขดลวด มากขึ้น มากขึ้น.
สัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างนอก เพิ่มจำนวนมากขึ้น. โสนน้อย เอื้อย และ ซู ขยับถอยจนหลังไปชนกับ สัมภาระที่วางอยู่. ซู ยื่นมือไปที่กระเป๋าสัมภาระ ค้นหาอาวุธ. มือไปสัมผัสกับสิ่งหนึ่งเข้า สายตาของเขา มีอาการแปลกๆ. เขามองเห็น ซองหนังสีดำ วางอยู่ในกระเป๋าของสังข์.
แรงสั่นสะเทือนของตัวบ้าน ที่มาเป็นระยะๆ ฉีกแผ่นเพดานห้อง ให้หลุดเป็นชิ้นๆ หล่นมาถูกตะเกียง ในมือของ จาอู พรึ่บ! ทุกอย่างมืดสนิทอีกครั้ง. ขดลวดหยุดเคลื่อนไหว ประกายไฟในกองขดลวด ก็หายไปด้วย แรงเขย่าตัวบ้าน เริ่มเบาลง ๆ และหายไปในที่สุด. เงามืดที่อยู่ภายนอกตัวบ้าน ก็เริ่มทยอยหายไป ๆ ๆ.
จาอู สังข์ และ มาลา ช่วยกันปิดม่านหน้าต่าง ไว้เหมือนเดิม ก่อนจะพากันลงไปชั้นล่าง อย่างยากลำบาก. พวกเขามายืนออกรวมกัน ที่บริเวณกลางห้องโถง, หัวใจที่เต้นถี่ ก็เริ่มสู่ภาวะปกติ ทุกคนถอนหายใจ บ้านหลังนี้ ยังไม่พัง. ร่างทึบๆ ของคน 7 คน ขยับไปมาอย่างเชื่องช้า ไม่มีใครปริปากถามว่า เกิดอะไรขึ้น. จาอู กระซิบบอก ให้ทุกคนเข้านอน. ทุกคน ได้ข้อสรุปแบบเดียวกัน คือ ถ้าไม่จุดไฟล่อเจ้าพวกสัตว์ปีศาจข้างนอกนั่น คืนนี้พวกเขาจะปลอดภัย.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|