ภาคที่ 2 บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2) ตอนที่ 74 ปิดฉากทาสนรก
สังข์ ตัดสินใจ พาตัวเองกลับเข้าไปในยาน ยูเอฟวี-II อีกครั้ง พร้อมกล่องโลหะสีเงิน. เขารู้สึกโกรธแค้นมาก โกรธทั้งตัวเอง โกรธทั้งโชคชะตา โกรธทั้งนายหญิง. เขาไม่สามารถช่วยเพื่อนรักได้เลย แม้แต่คนเดียว. แต่ตอนนี้ ต้องเก็บความโกรธเอาไว้ก่อน ค่อยคิดบัญชีแค้นกันทีหลัง.
กระสุนปืนกล ถูกยิงออกจากปืนที่ซ่อนอยู่บนส่วนหัวของเครื่องบิน พุ่งตรงขึ้นข้างบน, ทะลุเพดานออกไป จนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ พอที่จะเปิดทางให้เครื่อง บินออกไปได้. มันเป็นเวลาเดียวกับที่ เครื่อง ยูเอฟวี-I จำนวน 2 ลำ บินออกจากอาคารเก็บเครื่อง ออกไปอย่างเร่งรีบ.
สังข์ ขับยูเอฟวี-II พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า มันกลายเป็นเป้าโจมตีของ ยูเอฟวี-I ทั้ง 2 ลำ ทันที. สังข์ เห็นมันแล้วจากมอนิเตอร์เรดาร์ มันอยู่ด้านหลังไม่ไกลนี่เอง. นักบินของ ยูเอฟวี-I ที่บินขนาบอยู่ด้านขวา ยิงด้วยปืนกลขับไล่ 2 ชุด แต่พลาดเป้า. สังข์ บังคับเครื่อง เหินขึ้นฟ้า หลบแนวกระสุน พ้นไปได้. แต่ยูเอฟวี-I ที่อยู่ด้านซ้าย ยิงซ้ำตามมาอีก กะว่าไม่ให้สังข์ได้ตั้งตัว.
เครื่องบินของ สังข์ ถูกต้อนให้บินในแนวดิ่ง. นักบินที่ขับ ยูเอฟวี-I ลำขวา รู้ยุทธศาสตร์การต่อสู้ดีกว่า. ได้โอกาส ล็อคเป้า ยิงจรวดนำวิถีออกไป. สังข์ รู้ตัวว่า ตนถูกล็อคเป้าแล้ว. ความเร็วเหนือเสียงของเครื่อง ก็ไม่มีประโยชน์. จึงเปลี่ยนโหมดการบิน เป็นโหมดอำพรางตัว. แต่ช้าไป ปีกด้านซ้ายถูก ยูเอฟวี-I อีกลำ ยิงสวนออกมา. ส่งผลให้โหมดอำพรางตัวขัดข้อง. แต่ส่งผลดี, จรวดนำวิถีลูกแรกพลาดเป้าไป อย่างหวุดหวิด.
สังข์ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที. คงไม่ปล่อยให้เป็นลูกกวางน้อย ถูกเสือสองตัวไล่ล่าแบบนี้ ตลอดไปแน่. เขาต้องเผยเขี้ยวเล็บ ให้ศัตรูเห็นเสียบ้าง. สังข์ เร่งความเร็วเหนือเสียงหนี แต่ยูเอฟวี-I ทั้ง ๒ ลำ บินเกาะขนาบข้าง ตามไปติดๆ. สังข์ ยิงสวนด้วยปืนกลที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง.
มันได้ผล ยูเอฟวี-I ทั้ง 2 ลำ แยกตัวออกจากแนวโคจรขนาบข้าง. สังข์ ฉวยโอกาส ยิงสวนออกไป ด้วยปืนกลอัตโนมัติ ที่ติดกับปลายปีกทั้งสองด้าน. ในวิถีระนาบ 2-4 นาฬิกา ที่ปีกด้านขวา, และวิถีระนาบ 8-10 นาฬิกา ที่ปีกด้านซ้าย.
เสียงของนักบินบนเครื่อง ยูเอฟวี-I ลำซ้าย รายงานความเสียหาย.
สังข์ หัวเราะด้วยความพอใจ ที่กำจัดศัตรูไปได้อีก 1 แต่ยังเหลืออีก 1. แต่ตอนนี้มันหายไปไหนแล้ว, และก็หายไปจากจอเรดาร์ด้วย. ถ้ามันยังอยู่ เครื่องบินของเขา จะตกเป็นเป้าโจมตีทันที. เพราะโหมดการบินแบบอำพรางตัวของ ยูเอฟวี-II ขัดข้อง ใช้การไม่ได้เลย.
สังข์ รู้สึกสับสนและเป็นกังวล เพราะไม่เห็นและไม่รู้ตำแหน่งของศัตรู ว่าอยู่ ณ พิกัดใด. ทันใดนั้น บนจอเรดาร์ ก็ปรากฏจรวดนำวิถีลูกที่ 2 วิ่งพุ่งตรงมาที่ส่วนท้ายของเครื่อง.
ยูเอฟวี-II หนีจรวดนำวิถี ด้วยการเร่งความเร็ว บิดควงสว่าน ดิ่งหัวสู่พื้นโลก. วิธีนี้ได้ผลไม่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ จรวดยังวิ่งไล่ตามมาติดๆ. สังข์ ต้องเสี่ยงแล้ว ก่อนที่จะกลายเป็นเป้าระเบิด ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า, มองเห็นแนวร่องภูเขาข้างหน้า. เขาเสี่ยงบังคับเครื่อง บินเข้าไปในนั้น. ผลคือ ยูเอฟวี-II กลายเป็นเป้าของจรวดนำวิถี ที่ไม่เสถียร. มันวิ่งเฉี่ยวปีกด้านซ้ายของ ยูเอฟวี-II ไปนิดเดียว, พุ่งชนหน้าผา ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ, เศษหินปลิวว่อน.
สังข์ รู้ว่า ยูเอฟวี-I ถูกติดตั้งจรวดนำวิถี จำนวน 4 ลูก ต่อลำ. มันถูกยิงไปแล้ว 2 ยังเหลืออีก 2 ลูก, นับว่ายังไม่ปลอดภัย. เพราะยังมองไม่เห็นว่า ยูเอฟวี-I บินซ่อนอยู่ที่ไหน. มันอาจจะอยู่ใกล้ๆ นี่ก็ได้. แต่ตอนนี้ เขาชะรอความเร็ว หลบซ่อนอยู่ในหุบเหวนี่ไปก่อน น่าจะปลอดภัยกว่าอยู่ข้างบน และมีเวลาคิดตอบโต้.
จริงซิ ยูเอฟวี-I มีปุ่มกลไกลับ ที่ไม่ต้องการให้นักบินรู้ และมันก็ถูกติดตั้งบน ยูเอฟวี-II ด้วยเช่นกัน. สังข์ ไม่เข้าใจว่า ทำไม เจน และ เมธา จึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ. เขารู้สึกขอบคุณ เจน ที่ช่วยให้เขา คลี่คลายสถานการณ์เสียเปรียบนี้ได้.
สังข์ จำคำอธิบายของ เจน ได้อย่างแม่นยำ ในระหว่างฝึกบิน. เพื่อป้องกันนักบิน พาเครื่องบินหนีใช่ไหม๊ล่ะ เขาอยากจะย้อนถามเธอ ในตอนนั้น. แต่ตอนนี้ มันได้ผลตามที่ เจน อธิบายทุกประการ.
เงาของ ยูเอฟวี-I อยู่ไม่ไกล มันซ่อนอยู่ในร่องภูเขาเช่นเดียวกับ ยูเอฟวี-II. มันกำลังดักซุ่มรอดูว่าเมื่อไหร่ ยูเอฟวี-II จะโผล่ขึ้นมา. สังข์ วิเคราะห์ว่า นักบินต้องการประหยัดจรวดนำวิถี อีก 2 ลูก ไว้ใช้ในคราวจำเป็นจริงๆ, เขาฉลาดมาก.
สังข์ ไม่รีรอ เพราะเป็นฝ่ายได้เปรียบข้าศึก. แม้ว่า ยูเอฟวี-II จะกลายเป็นเป้าโจมตี เพราะอำพรางตัวไม่ได้. แต่มันก็รู้ตำแหน่งพิกัดของศัตรู นั่นเท่ากับว่า สถานการณ์ตอนนี้ ไม่มีใครได้เปรีัยบเสียเปรียบกันมากเท่าไร. ข้อสรุปที่ว่า กล้าหรือกลัว อยู่ที่หัวใจ แพ้หรือชนะ อยู่ที่สมอง ชั่วหรือดี อยู่ที่ปัญญา ผุดขึ้นมาในสมองของเขาอีกครั้ง.
สังข์ ค่อยๆ บังคับ ยูเอฟวี-II เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา ด้วยเสียงที่เงียบกว่า. บินย้อนไปทางด้านหลังของ ยูเอฟวี-I แล้วโผล่ขึ้นจากร่องภูเขา รอจังหวะเรดาร์บอกตำแหน่งพิกัดที่แน่ชัดอีกครั้ง. เขาเห็นมันแล้ว, กดปุ่มล็อกเป้า เตรียมส่ง ยูเอฟวี-I ลงนรก. แต่ มันเกิดอะไรขึ้น! เป้าหมายล็อกไม่อยู่. ความวิตกกังวล ถาโถมเข้ามา ไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร. จะถาม เจน เธอก็ไม่อยู่จะให้ถาม. ยูเอฟวี-I เริ่มขยับตัว. นักบิน คงเห็นข้าศึกอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว. และเกิดความชะล่าใจ คิดว่า ข้าศึกยังมองไม่เห็นเขา. แต่เขาคิดผิด.
ในเมื่อ ปืนกลอัตโนมัติ ไม่สามารถล็อกเป้าหมายได้ คงต้องใช้แผนสอง. สังข์ เปลี่ยนโหมดการยิง จากอัตโนมัติ มาเป็นยิงด้วยมือ.
สังข์ หัวเราะดีใจอีกครั้ง ที่กำจัดศัตรูลงได้อย่างสวยงาม. แต่ความรู้สึกยินดี ในชัยชนะ ก็สะดุดลง เพราะมีสัญญาณเตือนภัย ดังขึ้น. หมายความว่า มีตำแหน่งขัดข้องเกิดขึ้นบนเครื่อง ที่ไหนสักแห่ง. สังข์ ตรวจดูให้ละเอียดอีกครั้ง. เขาเป่าปากแสดงอาการโล่งใจ เพราะไม่เสียหายมากนัก เครื่องยังบินต่อได้อีก. เพียงแต่ระบบการป้องกันตัวเอง จากการจู่โจมของศัตรู เสียหายโดยสิ้นเชิง. แต่ก็ไม่น่าเป็นกังวล เพราะศัตรูถูกกำจัดไปหมดแล้ว. เขาบังคับเครื่องบินคู่ชีพ ต่อไปอีกราว 3 นาที ระบบทุกระบบบนเครื่อง ก็กลับมาปกติ. เหตุการณ์ระทึก คลี่คลายลง สถานการณ์อยู่ในภาวะปลอดภัยแล้ว. สังข์ สงบนิ่งชั่วครู่ เพื่อระลึกถึง เจน ผู้หญิงแกร่ง และยอมเสียสละตัวเอง สนับสนุนให้เขาหนีรอดออกมา จากเมืองนรกนั่นได้.
สังข์ ยังจำภาพเหตุการณ์ ที่ห้องปฏิบัติการของ เจน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี. ทั้งสองคน ช่วยกันจัดฉากการต่อสู้ ระหว่างเขากับ เจน ให้ดูสมจริง เพื่อกลบเกลื่อนการส่งมอบ รหัสกุญแจขับเคลื่อง ยูเอฟวี-II ให้แก่สังข์. ถ้าไม่มี เจน คอยให้การช่วยเหลือ ป่านนี้เขาคงถูกจับเป็นเชลยอีกรอบ. ความตั้งใจแรก เมื่อ 5 ปีก่อน ที่เสี่ยงชีวิตเข้าเมืองนครพันธุรัฐเป็นครั้งที่สอง เพื่อตามหาเพื่อนรัก และหวังว่าจะพากันหนีออกมาจากที่นั่น, กลายเป็นภารกิจล้มเหลว. เขาไม่สามารถพา สินสมุทร กับ สุดสาคร เพื่อนรัก ออกมาด้วยได้. ความรู้สึกเสียใจ ได้ถูกฝังแน่นไว้ในความทรงจำ ยากที่จะลืมเลือนไปได้ง่ายๆ. ต่อจากนี้ไป สังข์ จำเป็นต้องเก็บอดีตที่แสนเศร้านี้ไว้ก่อน เพราะเขายังมีภารกิจเหลืออยู่ที่จะต้องทำ คือออกตามหาแม่ และเพื่อนสาวอีก 2 คน.
สังข์ บังคับเครื่องบินคู่ชีพ ที่มีอาการไม่สมประกอบ บินในโหมดอัตโนมัติ. ด้วยความอ่อนเพลีย เขางีบหลับไป. นานจนกระทั่ง สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น. สังข์ สะดุ้งตื่น มองดูหน้าปัทม์ควบคุมเครื่อง สัญญาณเตือนว่า เชื้อเพลิงหมด ไม่อาจบินได้อีกต่อไป. เขามองออกไปข้างนอก เห็นฟ้าแลบเป็นระยะๆ ตามด้วยเสียงฟ้าคำราม ลมพายุกำลังก่อตัว ฝนกำลังจะมา เครื่องกำลังจะตก. ดูมันช่างโกลาหลเสียเหลือเกิน. เขามองลงไปข้างล่าง เห็นแสงไฟยามค่ำ คล้ายเมืองใหญ่. แต่ไม่รู้ว่าที่นี่คือเป็นที่ไหน คงไม่ต้องมาเสียเวลา ตามหาพิกัดตำแหน่งให้ยุ่งยาก.
สังข์ พยายามบังคับเครื่องให้บินร่อนฝ่าสายฝนลง ที่ริมบึงใหญ่ ไม่ห่างจากฝั่งมากนัก.
หลายชั่วโมงต่อมา หลังพายุฝนฟ้าสงบลง. ด้านหนึ่งของบึงใหญ่ ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่ง และ หญิงสาว 2 คน พร้อมด้วยไฟฉายคนละดวง พายเรือยาง ออกสำรวจค้นหาบางสิ่ง. ทุกคนติดป้ายแสดงข้อความ ที่บริเวณหน้าอกของเสื้อคลุม. พวกเขาเป็นนักศึกษา จากสถาบันนิเวศน์ชีวภาพ แห่งนครรัฐเทพนารา. ในมือของหญิงสาวผู้หนึ่ง มีเอกสารแสดงข้อความบนปกว่า โครงการสำรวจระบบนิเวศน์ ป่าบึงน้ำเจ้าพระยา.
คงอยู่แถวๆ นี้แหละ ชายหนุ่ม พูดขึ้น. นายแน่ใจนะ ว่าเป็นที่นี่ หญิงสาวคนแรก ถามย้ำ. เขาก็ยืนยันซ้ำเช่นกัน. แน่ใจซิ เราเห็นมันกะตาเลยนะ มันต้องตกแถวๆ นี้แน่นอน ตอนที่นายเห็นน่ะ มันยังหัวค่ำอยู่ แต่ตอนนี้เกือบสว่างแล้ว สับสนหรือเปล่า?
พวกเขายังคงเถียงกันอยู่ หญิงสาวคนที่สอง พูดขัดจังหวะ และยื่นข้อเสนอใหม่.
พวกเขาเห็นด้วย และลงจากเรือยาง ถือไฟฉาย แยกย้ายกันไปสำรวจ ค้นหา. นักศึกษาหญิงคนแรก ใจกล้ากว่าคนอื่นๆ เดินฝ่าป่าพงหญ้าน้ำ ไกลออกไป จะกระทั่งน้ำลึกเกินระดับเอว. เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เธอรู้สึกตื่นเต้น ที่พบเป้าหมายก่อน, ตะโกนบอกเพื่อนว่าเธอพบบางสิ่งแล้ว. แต่เธอไม่รอให้เพื่อนมาถึง. นักศึกษาหญิง เคลื่อนตัวเข้าไปให้ใกล้อีกนิด, สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า เป็นร่างของคน นอนหมดสติอยู่ข้างๆ ซากของเครื่องบิน. เธอฉายไฟส่องไปที่ใบหน้าของเขา เพื่อจะดูว่าเขาเป็นใคร.
เมื่อเข้าไปใกล้ ร่างของเขายังสงบนิ่ง ไม่รู้สึกตัว. เธอเข้าใจว่านี่ คงเป็นนักบิน แต่ชุดเสื้อผ้าดูไม่น่าจะใช่. เธอส่องไฟฉายดูไปรอบๆ เผื่อจะมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่อีก แต่ก็ไม่เห็นมีใคร.
หญิงสาว พูดกับตัวเอง พร้อมกับเข้าไปให้ถึงตัวเขา พยายามพลิกเขาให้หงายขึ้นมา.
อะไรกันนี่! ตั้งแต่พบเจอคนมาก็มากมาย เขาช่างเป็นผู้ชายที่ดูดีที่สุด ใบหน้าคมเข้ม แต่ผิวคล้ำไปหน่อย. ความหล่อของเขา สร้างพลังดึงดูดให้หญิงสาวผู้นี้ ตกอยู่ในห้วงภวังค์ชั่วขณะ เป็นความรู้สึกสุขที่ประหลาด เหมือนต้องมนต์สะกด. ขณะที่เธอตะลึงในเรือนร่างของเขา. ชายหนุ่มก็ได้สติ ลืมตาขึ้น เห็นแสงไฟ. เขาแสดงอาการตกใจ รีบตะเกียกตะกาย ลุยน้ำหนีหายเข้าไปในดงป่าน้ำ. ทิ้งปริศนาลับให้แก่นักศึกษาหญิงสาว ว่าชายผู้นี้ เป็นใคร. และเมื่อเพื่อนๆ พากันมาถึงจุดที่เธอเรียก พวกเขาก็พบเพื่อนสาว เพียงคนเดียว.
จบภาคที่ 2
อ่านต่อ ภาคที่ 3 ... ตอนที่ 75/105
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|