ภาคที่ 2 บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน ตอนที่ 45 ห้องลับของนายหญิง
หนึ่งปีผ่านไป ...
ที่อยู่ของพวกเด็กๆ ได้รับการปกป้องจาก ธนญชัย ไม่ให้บุคคลภายนอก รู้ไปมากกว่าที่ควรจะเป็น. ส่วนที่ลึกลับ ใช้เป็นที่หลบซ่อนของ เอื้อย โสนน้อย ก็ยังไม่ถูกแพร่งพรายออกไป แม้กระทั่งนายหญิง ก็ไม่รู้เลยว่า หลานชายได้ซุกซ่อนความลับบางอย่างไว้ นานแรมเดือน.
สังข์ เรียนรู้งานที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งภาษา โปรแกรม ระบบวงจร เครือข่าย ไดอาแกรม ทั้งจากตำรา และคำบอกเล่า. สามารถจัดลำดับขั้นตอนของโปรแกรม ได้โดยไม่ผิดพลาด. เขาถูกนายหญิงเรียก ให้ขึ้นไปรับใช้อยู่บ่อยๆ. สังข์ รู้จักทางเข้าทางออก เว้นแต่ในห้องทดลองลับ ที่ถูกสั่งห้ามคนเข้าออกเด็ดขาด. ถึงไม่สั่งห้าม ก็ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปได้ นอกจากจะมีรหัสลับชั้นสูงสุด ซึ่งเข้าได้เฉพาะนายหญิง และหัวหน้าทีมงานเท่านั้น. แม้แต่ ธนญชัย หลานแท้ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์.
วันหนึ่ง สังข์ขึ้นมารับเอกสาร ที่ห้องงานของนายหญิง. เขารู้สึกหดหู่ใจ เมื่อเปรียบเทียบคุณภาพชีวิต ของคนงานข้างล่าง กับพนักงานของรัฐข้างบน มันช่างแตกต่างกัน มากมายเหลือเกิน. ก่อนกลับออกไป สังข์ รวบรวมความกล้า ถามนายหญิง ขณะที่เธอกำลังยุ่งๆ อยู่กับการพิจารณา แก้ไขโมเดลนวัตกรรมของอากาศยาน.
คราวนี้ นายหญิงโกรธขึ้นมาจริงๆ,
นี่นับว่า นายหญิงยังกรุณาต่อ สังข์ ที่เห็นว่าเขายังเป็นเด็ก ไม่เข้าใจเหตุผล. หากสอดรู้อะไรไปมากกว่านี้ คงไม่ดีแน่. สังข์ เริ่มมองเห็นความน่ากลัวของนายหญิง, แม้ว่าด้านอื่นๆ เธอจะดีและเมตตาต่อเขามาก มากกว่า ธนญชัย หลานแท้ๆ ด้วยซ้ำไป. หรือว่าเขายังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ไม่เข้าใจภาวะ และสถานภาพ ของผู้นำรัฐจริงๆ, ซึ่งต้องมีความเด็ดขาด. บางครั้ง คนทั่วไป อาจมองว่า นั่นคือความโหดร้าย. แม้แต่กษัตริย์ของรัฐอิสระโบราณ ก็ยังจำเป็นต้องใช้แรงงานทาส เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ บ่งบอกอำนาจและความยิ่งใหญ่ รวมทั้งข่มขู่ผู้ที่คิดทรยศ.
หลายวันถัดมา, นายหญิงเรียกคนขับรถ เพื่อจะออกไปที่ไหนสักแห่ง ปล่อยให้ สังข์ อยู่ภายในห้องงานตามลำพัง ... กว่านายหญิงจะกลับ ยังพอมีเวลาที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มเติม. ปกติ หากนายหญิงหมดธุระกับใครแล้ว คนนั้นจะต้องออกไป จากห้องนี้. แต่หนนี้ น่าแปลกตรงที่ นายหญิงออกไป โดยอนุญาตให้ สังข์ รออยู่ที่ห้องงาน. ไม่มีใครรู้วัตถุประสงค์ของนายหญิง เพราะเหตุใด เธอจึงไว้วางใจ สังข์ มากมายถึงเพียงนี้. หรือว่า นี่คือการทดสอบความสามารถ กับความซื่อสัตย์ ของสังข์ ไม่มีใครรู้ได้.
สังข์ ถือโอกาสที่นายหญิงไว้วางใจ, จุดสนใจของเขาตอนนี้ คือจอภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เล่มหนึ่งที่วางอยู่บนหิ้ง. เขาเปิดสวิทช์จอ เปิดหน้าเมนูหนังสือ พร้อมที่จะสืบค้น. เขาคิดว่า คงเป็นข้อมูลทั่วๆ ไป ที่นายหญิงถือว่า ไม่ใช่ชั้นความลับสำคัญอะไร. ไม่เช่นนั้น คงต้องใช้รหัสผ่านให้วุ่นวาย ในการเปิดเข้าไปดู. สังข์ พบข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ ที่ทีมงานนักวิทยาศาสตร์แห่งนครพันธุรัฐ คิดค้นขึ้น. เทคโนโลยีนี้ สามารถสร้างเซลล์ใหม่ๆ ให้แก่มนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้การเชื่อมโยงกับระบบประสาท.
เมื่อสืบค้นไปเรื่อยๆ, นี่อาจเป็นความบังเอิญ หรือความจงใจ จะให้สิ่งนี้ถูกเปิดเผย ก็ไม่อาจทราบได้. สังข์ พบกับผังต้นแบบของ สิ่งประดิษฐ์วงแหวนข้ามเวลา ที่ นาเคนทร์ ได้ออกแบบไว้, พร้อมทั้งผังโครงสร้าง กุญแจสำหรับเปิดเครื่อง. ทำให้เขานึกถึงภาพร่าง ในสมุดบันทึกเก่าๆ ที่เฒ่าทะเลเอาให้ดู และบอกว่า นั่นเป็นบันทึกเก่าแก่ของพ่อของเขา ซึ่งเป็นเพื่อนกับ นาเคนทร์. เขาหยิบแท่งกุญแจโลหะ ออกมาจากกระเป๋า ชูมันขึ้นดูเปรียบเทียบ.
ภาพถัดลงมาข้างล่าง เป็นก้อนวัสดุชิ้นหนึ่ง รูปปิรามิดฐานสามเหลี่ยม. มองไม่ออกว่า เป็นผลึกแก้วหรือก้อนหินกันแน่ หรืออาจเป็นแร่ธาตุอะไรสักอย่าง. มีคำอธิบายอยู่ใกล้ๆ ด้วยอักขระภาษา ที่เขาอ่านไม่ออก. ก้อนปิรามิดฐานสามเหลี่ยม ถูกบรรจุไว้ ตรงกลางของกุญแจที่เขาถืออยู่. เขาเดาว่า มันอาจเป็นแร่ธาตุ ที่ปลดปล่อยพลังงานบางอย่างออกมา. เขานึกถึงเหตุการณ์ ตอนที่เปิดประตูยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ที่เกาะร้างนั่น.
สังข์ เลื่อนหน้าเอกสารขึ้นไปอีก, คราวนี้ พบภาพถ่ายของชาย 3 คน ในชุดปฏิบัติการห้องแล็บ. พวกเขาสูงไล่เลี่ยกัน ยืนยิ้มกอดคอกัน เหมือนฉลองความสำเร็จอะไรบางอย่าง. ข้างล่างภาพถ่าย มีข้อความ นาเคนทร์ คานธี และ พันตู รูปของ นาเคนทร์ กับ คานธี มีเค้าหน้าเหมือนกัน ราวกับพี่น้องฝาแฝด. แต่พอจะเข้าไปในส่วนลึกของข้อมูล ในหน้าถัดไป ไม่สามารถเข้าไปดูได้ ต้องเข้ารหัสผ่าน ซึ่งใช้ตัวเลขถึง 3 ชุด. สังข์ มองดูนาฬิกา ยังพอมีเวลา, ทดลองเดาสุ่ม ใส่ชุดของรหัสผ่านอื่นๆ แต่ไม่สำเร็จ เขาทดลองถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น, สังข์ ใช้เวลามากไปแล้ว ในการเดาสุ่มรหัสผ่าน. แต่ความอยากรู้ ทำให้เขาต้องคิดนอกกรอบ หาวิธีอื่น. ... ในที่สุด วิธีนี้ น่าจะได้ผล.
สังข์ หยิบแท่งกุญแจ ขึ้นมาพิจารณาดูอีกครั้ง, มันเคยใช้ได้ผลมาแล้ว ตอนเปิดประตูยานอวกาศ ที่เกาะร้าง แต่นั้นคือการเดาสุ่ม แต่หนนี้ น่าจะมีความซับซ้อนมากกว่า. เขาเทียบเคียงกุญแจในมือ กับภาพในมอนิเตอร์, พลิกดูอีกด้านหนึ่ง. ด้านที่มีปุ่มอะไรเยอะแยะไปหมด. สังข์ ก็สงสัยมานานเหมือนกันว่า ปุ่มนั่น มันมีไว้ทำอะไร. เขาเคยลองกดเล่นดู แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น. จำนวนปุ่มและการวางตำแหน่ง ที่ปรากฏบนมอนิเตอร์ ตรงกับจำนวนและตำแหน่ง บนแท่งกุญแจของจริง. สังข์ กดปุ่มบนกุญแจ ตามตำแหน่งสัญลักษณ์ ที่บอกในมอนิเตอร์.
สังข์ตกใจ ผงะถอยหลังห่างออกไป เมื่อผนังของหิ้งวางหนังสือ เริ่มขยับเลื่อนขึ้นช้าๆ. เขาพยายามกดปุ่มอื่นๆ เพื่อยกเลิก แต่ไร้ผล. คอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดค้างอยู่ ดับพรึบลง แต่ผนังนั่น เลื่อนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ. ความกลัวผสมกับอาการลนลาน เขาจึงจิ้มนิ้วชี้ไปบนกุญแจนั่้น แบบมั่วๆ. แต่การมั่วของเขา ได้ผล, นิ้วไปจิ้มปุ่มลับปุ่มหนึ่งเข้า ผนังของหิ้งวางหนังสือ ที่กำลังเลื่อนขึ้น หยุดนิ่ง แล้วกลับทิศทาง ค่อยๆ เลื่อนลง. เขากดปุ่มนั้นซ้ำอีกครั้ง, ผนังที่กำลังเลื่อนลง หยุดนิ่ง แล้วค่อยๆ เลื่อนขึ้นไป. คราวนี้ เขาปล่อยให้ผนังเลื่อนขึ้นไปจนสุด. ความอยากรู้อยากเห็น ทำให้เขาลืมกฏข้อห้ามทุกข้อ อย่างสิ้นเชิง.
สังข์ รำพึงกับตัวเอง. เขาลุกล้ำเข้ามาในนี้ เกินเลยข้อห้ามไปมากแล้ว, คงไม่ปล่อยให้ความกลัว สกัดกั้นความอยากรู้ ที่มีอุณหภูมิความกล้า ถึงขึดสูงสุดแล้วในตอนนี้. สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า สกดให้เขาตกอยู่ในภวังค์ จนทำอะไรต่อไปไม่ถูก. ทันใดนั้น! ผนังของหิ้งวางหนังสือ ก็เลื่อนปิดลงอัตโนมัติ ขังเขาไว้ข้างใน. คราวนี้เรื่องใหญ่แน่! สังข์ รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที. เขาจะต้องเลือก ระหว่างความกลัวจะถูกจับได้ แล้วรีบออกไปจากที่นี่ กับความอยากรู้ แล้วรีบเข้าไปดูว่า ข้างหน้ามีอะไร. สิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างหน้า อาจจะเป็นประโยชน์ในอนาคต สำหรับเขาและเพื่อนๆ และมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง.
เป็นเรื่องเหลือเชื่อ และบังเอิญมากๆ ในการค้นพบความลับ ที่เคนซ่อนไว้. แม้แต่นายหญิงเองก็ไม่รู้ ว่ากุญแจเครื่องนำโชคที่เขาสร้างขึ้น ก็คือกุญแจเปิดห้องลับ. นี่ถ้านายหญิงรู้ว่า มันคือกุญแจเปิดห้องนี้ได้ ก็คงจะริบไว้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว. หรือว่านี่คือ รางวัลแห่งความกล้าหาญ กตัญญู ที่สวรรค์มอบให้แก่เขา. จริงซินะ เคน ก็เตือนอยู่บ่อยๆ ว่ามันคือเครื่องนำโชค.
ด้านขวา มีลิฟท์แก้วทรงกระบอกขนาดไม่ใหญ่นัก อยู่ตัวหนึ่ง มันสามารถพาเขาลงไปยังโถงข้างล่างได้. แต่เขาเลือกที่จะเดินไปด้านซ้ายมือ เกาะราวระเบียงโลหะมันวาวสะอาดตา ไปจนสุดทาง แล้วเดินลงไปข้างล่าง จนถึงแล็บเคมี. สังข์ เดินเข้าไปใกล้ประตู มีหลอดไฟเล็กๆ กระพริบอยู่ มองเห็นช่องเสียบบัตร พร้อมปุ่มกดรหัสผ่าน และกล้องสแกนใบหน้า. ประสบการณ์ สอนเขาว่า จะเปิดประตูได้ต้องใช้รหัสผ่าน โดยการเสียบบัตร กดปุ่มรหัส หรือไม่ก็สแกนใบหน้า หรืออาจจะทั้งสามอย่าง.
สังข์ลองเดาสุ่มรหัสผ่าน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น. ลองยื่นใบหน้าไปที่เครื่องสแกน ก็ไร้ประโยชน์. ลองเดินเข้าไปใกล้ประตู จนเกือบจะชิดบาน คราวนี้ได้ผล, บานประตูเปิดออก ต้อนรับเขาโดยดี.
พอก้าวพ้นประตูเพียงสองก้าว ประตูก็ปิดไล่หลัง. สังข์ เดินดูรอบๆ ภายในห้องแล็บเคมีสี่เหลี่ยมผืนผ้า มองเห็นหลอดแก้ว และอุปกรณ์ทดลองที่ทันสมัย อยู่เต็มไปหมด.
ที่ผนังด้านหนึ่ง มีตัวยาหรือสารเคมีเหลวสีเขียวเรืองๆ บรรจุอยู่ในหลอดไซลิ่ง พร้อมเข็มฉีด 2 หลอด. มันถูกเก็บไว้ในตู้กระจกอย่างดี มีฉลากเขียนกำกับไว้. เข้าใจว่า น่าจะเป็นเคมี ที่ผ่านการทดสอบแล้ว. แต่ไม่รู้ว่า มันมีคุณสมบัติทางเคมีอย่างไร เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายมนุษย์. ตรงกลาง เป็นตู้แก้วทดลองขนาดใหญ่. เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ ในตู้ มีหลอดแก้ววางอยู่ 3 หลอด, ข้างในบรรจุของเหลวข้นสีเขียวเรืองๆ เช่นกัน แต่สีเข้มกว่าอันที่อยู่ในหลอดไซลิ่ง. สังข์ มัวตกตะลึงกันนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ เผลอเอามือไปปัดหลอดที่อยู่ริมขวาสุด ... เป็นเรื่องแล้ว! เขารีบคว้ามันไว้ ก่อนที่มันจะหล่นถึงพื้น แต่ไม่ทัน ... เพลี๊ยง! หลอดแก้ว หล่นลงพื้น แตกและเอียด. เพราะความตื่นตระหนก เขารีบเก็บมันขึ้นมาจากพื้น. ทำให้นิ้วชี้มือขวา ถูกเศษแก้วบาด. อะไรกันนี่! เขาสะดุ้งตกใจ นิ้วมือที่ถูกแก้วบาด ถูกจุ่มลงไปในของเหลวสีเขียวๆ นั่น.
สังข์ รีบชักนิ้วขึ้นมา, รู้สึกเวียนหัว ภาพข้างหน้า ดูพร่าเบรอไปหมด. ที่นิ้วก็รู้สึกเย็นยะเยือก เหมือนเอาก้อนน้ำแข็งหุ้มนิ้วไว้. แค่เข็มวินาทีกระดิกสองสามครั้ง มีควันสีขาว ลอยออกมาจากนิ้วชี้ตรงมีบาดแผล. ของเหลวสีเขียวที่ติดมา ละลายหายไปกับควันขาวๆ. สักครู่ สายตาที่พร่าเบรอก็หายไป, แต่รู้สึกหนักๆ ที่ปลายนิ้วแทน. อะไรกันอีกล่ะนี่! ปลายนิ้วชี้ของเขา กลายเป็นเนื้อเยื่อสีทองคำ. หยดเลือดที่ปลายนิ้ว ก็กลายเป็นสีทองเช่นกัน.
เขาบ่นกับตัวเอง พยายามเช็ดถูผิวหนัง ส่วนที่เป็นทองกับเสื้อผ้า แต่ไร้ผล มันฝังติดแน่น ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนัง.
การผจญภัยในครั้งก่อนๆ คือการรักษาชีวิตให้รอดจาก ศัตรู สัตว์ อสูรร้าย, แต่การผจญภัยหนนี้ ชั่งตรงกันข้าม. เขาต้องปกปิด ความเผลอเรอของตัวเอง จากอุบัติเหตุ ให้รอดพ้นจากสายตาของคนอื่น. เพราะีนี่คือ หลักฐานที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลย กับความผิดที่ละเมิดกฏร้ายแรง. สังข์ รีบเก็บทำความสะอาดที่พื้น แล้วเดินออกจากห้องแล็บเคมี ไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ด้านขวา. มองเห็นราวระเบียบที่เขาเพิ่งเดินลงมา ส่วนนี้ เป็นห้องแล็บที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุด. นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็น, มันคืออากาศยานลำหนึ่ง จอดวางอยู่บนแท่นจอด บริเวณใจกลางห้อง. สังข์ มองไปรอบๆ ผนังส่วนใหญ่ใสเป็นกระจก ยกเว้นบนเพดานทรงหกเหลี่ยม ซึ่งอยู่สูงมาก. ร่างของเขา กลายเป็นจุดเล็กๆ ที่ถูกรายล้อมด้วยเทคโนโลยี ล้ำสมัยที่สุดของโลก.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|