ภาคที่ 2 บทที่ 17 บ้านของย่าทอง ตอนที่ 61 ความสุข ความพอเพียง
เวลาผ่านไปไม่นาน มีสิ่งเปลี่ยนแปลงมากมายหลายเรื่อง. มีเหตุผลหลายข้อ ที่ทำให้ นางทองศรี อุปาระเลี้ยงดู เอื้อย โสนน้อย ในฐานะหลานสาว. ไม่เพียงแต่ เด็กสาวทั้งสอง จะเป็นคนอ่อนหวาน ว่านอนสอนง่าย ขยัน เฉลียวฉลาดมีไหวพริบดี เธอยังเคยช่วยเหลือชีวิตพลายงาม และติดตามมาเป็นเพื่อน จนกระทั่งมาถึงมือของนางทอง. สิ่งที่นางทองรู้สึกรักและเห็นใจมากที่สุด คือ พวกเธอก็เป็นคนไร้ญาติ ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่อยู่ที่ไหน. เด็กดีๆ ที่พลัดหลงมา เมื่อชุบเลี้ยงไว้ ไม่ใช่แค่ได้บุญกุศลเท่านั้น แต่กลับได้สิ่งอื่น ที่เป็นคุณค่าทางใจตอบแทน. ช่วยเปลี่ยนบ้านที่เคยเงียบเหงา ให้เป็นสวรรค์ที่สัมผัสได้.
โรงเพาะชำกล้าไม้ ที่อยู่ด้านซ้ายของตัวบ้าน เต็มไปด้วยกล้าไม้ ที่จัดไว้เป็นสัดเป็นส่วนดูสวยงาม ส่วนที่มุงหลังคากันแดดให้ เป็นกล้าไม้ยืนต้นบ้าง กล้าไม้สวน กล้าผักบ้าง คละกันไป. ตรงที่เป็นที่โล่งแจ้ง ใช้เป็นที่เพาะกล้าของต้นข้าว ซึ่งจะเพาะในถาดหลุมเล็กๆ. ถัดเรือนเพาะชำออกไปด้านหลัง เป็นรั้วชะอม ตำลึง คั่นบริเวณที่เป็นสวนผักกินได้.
ใต้ถุนบ้านใหญ่ ส่วนหนึ่ง แบ่งเป็นที่จอดรถ อีกส่วนก็แปลงเป็นห้องทำน้ำหมักชีวภาพ และห้องเก็บเชื้อเห็ดพันธุ์ต่างๆ. ตรงทางเดินไปบ้านของ บุญทิ้ง, ย่าทอง สั่งให้สร้างโรงสีข้าวเล็กๆ เอาไว้สีข้าวกินกันในครัวเรือน ถ้ายังไม่ได้ใช้ ประตูหน้าโรงสีก็จะถูกปิด.
ที่บ่อเลี้ยงปลาบ่อแรก กังหันลมถูกสร้างขึ้นจากไม้ แต่ดูแข็งแรง. ใบพัดทำด้วยผ้าใบสีขาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร. มันสามารถรับลมได้มากพอ ที่จะสูบน้ำจากบ่อ ไปกักเก็บไว้ที่แทงค์น้ำปูนซีเมนต์ ที่อยู่ติดกับเรือนเพาะชำ.
โสนน้อย มีความรู้สึกดีกับทุกคน โดยเฉพาะกับ พลายงาม. ทุกครั้งที่มีโอกาสได้ทำงานใกล้กัน เธอจะรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด ในขณะที่ พริ้ม กลับรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งใครๆ ก็สังเกตได้จากสายตาของเธอ. นั่นกลายเป็นนิสัยประจำตัวของ พริ้ง ไปแล้ว. เอื้อย รู้ดีว่า เพื่อนคิดอย่างไรกับ พลายงาม. เธอมักแอบส่งยิ้มให้เพื่อนอยู่เสมอ เมื่อสบตากัน.
เป็นช่วงเวลาที่ดีอีกครั้ง ที่เด็กหนุ่มสาว 3 คน มีโอกาสอยู่ร่วมกันตามลำพัง ในห้องหนังสือของย่าทอง. ปกติห้องนี้ มักไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่ง อาจเป็นเพราะ เป็นห้องส่วนตัวจริงๆ ของย่าก็ได้. ภายในห้องหนังสือ มีตู้ไม้โบราณ 3 ตู้ วางที่ผนังข้างหน้าต่างของห้อง ถัดไปเป็นโต๊ะไม้เก่า พร้อมโคมไฟและนาฬิกา วางอยู่บนโต๊ะ. อีกมุมหนึ่งของห้อง เป็นเตียงนอนเล่นสำหรับย่าทอง เอาไว้อ่านหนังสือ. ทั้งตู้ โต๊ะ หิ้งหนังสือ รวมทั้งที่พื้น มีฝุ่นและหยากใย่ เกาะอยู่ ดูสกปรกไม่น้อย.
ความคิดของหลานชาย ที่อยากเห็นห้องอ่านหนังสือของย่า ดูสะอาดและเป็นระเบียบมากกว่านี้. พลายงาม จึงชวน โสนน้อย กับ เอื้อย ช่วยกันกวาดเช็ดทำความสะอาดพื้น โต๊ะ เตียง และละหยากไย่. เอื้อย จัดการกับฝุ่นละออง ทั้งภายนอกและภายในตู้หนังสือทั้งหมด. หนังสือแต่ละเล่มถูกจัดเก็บไว้เป็นอย่างดี เจ้าของหนังสือคงรักมันมาก. น่าเสียดายที่ เอื้อย อ่านออกได้เป็นบางคำ. และมีบางคำ อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ.
เป็นเวลาเดียวกันที่ ย่าทอง ขึ้นมาบนบ้าน ได้ยินเสียงดังขลุกขลักที่ห้องหนังสือ จึงเดินเข้าไปดู เห็นแล้ว ก็อดยิ้มไม่ได้ ที่เห็นหลานๆ ไปชุมนุมกันอยู่ในห้องนั้น. จริงซินะ พวกเขาน่าจะได้เรียนหนังสือ ตำรับตำราที่เก็บไว้มันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่มีคนหยิบขึ้นมาอ่าน.
เย็นวันหนึ่ง เอื้อย โสนน้อย พลายงาม และ พริ้ง ช่วยกันตกแต่งสวนดอกไม้หน้าบ้าน บุญทิ้ง ขับรถพาย่าทอง กลับจากเมืองกาญจนา. นางสังเกตเห็นพวกเด็กๆ ซึ่งตอนนี้ พวกเขาเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ช่วยกันสร้างสวนสวรรค์ขึ้นที่หน้าบ้าน ก็อดชื่นชมไม่ได้.
ย่าทอง สั่งให้ บุญทิ้ง นำถังสูบน้ำรุ่นใหม่ ที่เพิ่งได้มา ไปติดตั้งไว้ใกล้ๆ กับสระน้ำ กลางสวนสมุนไพร. พวกเด็กๆ พากันไปช่วย บุญทิ้ง ติดตั้งถังสูบน้ำอยู่นานหลายชั่วโมง จนเสร็จ. มันเป็นถังสูบน้ำที่ใช้พลังงาน ส่งน้ำจากที่ต่ำขึ้นที่สูงได้ โดยใช้แรงส่งจากความกดอากาศ. เมื่อน้ำในถังที่อยู่สูงกว่า มีปริมาณมากพอ ก็จะถูกส่งไปตามท่อน้ำเล็กๆ ทำเป็นน้ำหยดให้กับต้นไม้ในสวน.
หลายเดือนผ่านไป นางทอง รู้สึกว่า หลานสาวของนางทั้ง 2 คน น่าจะมีวิชาสำหรับกุลสตรี ไว้ติดตัว ให้มากกว่านี้. โสนน้อย เอื้อย ไม่ต้องไปเสียเวลาเข้าโรงเรียนที่ไหนไกลๆ, เธอสองคน เรียนที่บ้านนี่แหละ. ย่าทอง เป็นครูที่ดีที่สุด ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้. โสนน้อย ได้เรียนวิชาทำอาหาร และเย็บปักถักร้อย ตามที่เธอชอบมาตั้งแต่เด็กๆ เพิ่งจะมีโอกาสได้เรียนจริงจัง ก็ตอนนี้. ส่วน เอื้อย เป็นเด็กพิเศษ ชอบเรียนรู้เรื่องสมุนไพร. พริ้ง ที่มาคอยรับใช้ ก็ได้อานิสงส์ เรียนวิชาต่างๆ ไปพร้อมกัน. แต่ด้วยนิสัยริษยา และปัญญาน้อย เธอจึงเรียนได้ไม่ดี, ทำผิดๆ พลาดๆ อยู่เรื่อย. วิชาอื่นๆ ที่ไม่ใช่การบ้านการเรือน, พลายงาม ก็จะมาร่วมเป็นนักเรียนด้วย ได้ฝึกอ่านและเขียนหนังสือทุกวัน. ด้วยการผลัดกันอ่านหนังสือให้ย่าฟัง และย่าก็คอยตรวจลายมือและงานเขียน ไปพร้อมกันด้วย. นางทอง จะคอยหมั่นตรวจ บันทึกประจำวันของพวกเขา เป็นประจำ.
ค่ำวันหนึ่ง นักเรียนในบ้านทั้งสี่คน, พลายงาม เอื้อย โสนน้อย และ พริ้ง พากันมาปรนนิบัติ นวดขาให้ย่าทอง. นางสังเกตเห็น ความสัมพันธ์ลึกซึ้งของพวกเด็กๆ ซึ่งก็เริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้ว. เด็กหนุ่มสาว เมื่ออยู่ใกล้กัน ก็ย่อมจะเกิดความผูกพันรักใคร่ต่อกันเป็นธรรมดา. ไม่มีใครรู้ความในใจของย่าทอง ว่าคิดอย่างไร กับความสัมพันธ์ของพวกหลานๆ นางจึงกล่าวกับ พลายงาม เป็นจริงเป็นจัง.
โสนน้อย ยิ้มและพูดว่า
เมื่อพูดถึงพ่อของพลายงาม ย่าทอง ก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที. โอกาสที่จะได้พบหน้าลูกชาย คงจะยาก โชคดีที่ยังมีหลานชายให้ดูต่างหน้า. แม้ว่าจะต้องส่งเขาไปอยู่ในที่ห่างไกล แต่ก็เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น. ย่าทอง สังเกตเห็น พริ้ง ทำหน้าง้ำหน้างอ ราวกับผิดหวังอะไรบางอย่าง.
ในความรู้สึกของนางทอง, สำหรับ พริ้ง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง. แต่ที่ห่วง เป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น. นางทอง ต้องตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่าง เกี่ยวกับหลานชาย. แต่ยังพอมีเวลา, ย่าทองสอนวิชาถักร้อย และทำอาหารให้โสนน้อย สอนวิชาสมุนไพรเพิ่มเติมให้เอื้อย. และให้หลานชาย อ่านเขียนพื้นฐาน ให้ชำนาญมากกว่านี้ ก่อนที่จะส่งเขาไปเรียนต่อที่อื่น.
ในชั่วโมงเรียน ร้อยพวงมาลัย ประกอบฐานพานพุ่ม, โสนน้อย เห็น พริ้ง พยายามร้อยดอกมะลิ แต่เห็นว่าไม่ค่อยเรียบร้อย จึงบอก พริ้ง ไปว่า
ย่าทอง สังเกตเห็น โสนน้อย อดทนดีและไม่ถือสากิริยาที่ไม่งามของ พริ้ง จึงไม่พูดว่ากล่าวตักเตือนอะไร. นางรู้นิสัยของเด็กพริ้ง ดีกว่าใครๆ, นอกจากจะเป็นคนมีนิสัยริษยาแล้ว ยังเป็นคนมีปัญญาน้อย เข้าใจอะไรก็ยาก. นางต้องเสียเวลาสอนซ้ำๆ ซากๆ. แต่การสอนซ้ำ กลับเป็นผลดีแก่ เอื้อย และ โสนน้อย เพราะถือโอกาสทบทวนไปด้วย.
สัปดาห์ถัดมา พลายงาม ถึงกำหนด ต้องไปอยู่กับพระอาจารย์บุญมี, ย่าทอง เตรียมข้าวของ เสื้อผ้า อาหารแห้ง ให้หลานชาย โดยให้ บุญทิ้ง เป็นคนขับรถพาไปส่ง. ก่อนออกเดินทาง พลายงามเข้าไปกราบลาย่า แล้วก็หาโอกาสพบกับ โสนน้อย เป็นการส่วนตัว ที่ลานดอกไม้หน้าบ้าน. เมื่อรู้ว่า พลายงาม จะไปจริงๆ โสนน้อย กลับรู้สึกเศร้า. ต่อจากนี้ เธอจะมีโอกาสใกล้ชิดกับ พลายงาม น้อยลง. แต่เมื่อคนที่เธอรัก จะไปได้ดี เธอก็ควรจะยินดีด้วย.
โสนน้อย ทำหน้าเศร้า.
โสนน้อย กล่าวอำลา แต่เป็นคำอำลา ที่สร้างความหวั่นไหวลึกๆ ให้แก่ พลายงาม เช่นกัน. เป็นความรู้สึก ที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้.
สายตา ความรู้สึก และท่าทางของ โสนน้อย มีต่อหลานชายในเวลานี้. นางทอง รู้ดีว่า เป็นเรื่องปกติของคนในวัยหนุ่มสาว ที่เคยอยู่ใกล้ชิดกัน และเมื่อต้องอยู่ห่างกัน ก็รู้สึกไม่สบายอกสบายใจเป็นธรรมดา. แต่ เอื้อย รู้สึกว่า หัวใจของเพื่อนรัก ที่มีต่อ พลายงาม มันลึกซึ้งและโลดแล่นไปไกล เกินกว่าที่ย่าจะเข้าใจ. การจากไปของ พลายงาม ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความสะเทือนใจลึกๆ ให้แก่ โสนน้อย เท่านั้น, แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของ พริ้ง ด้วยอีกคน.
หลังจากพลายงาม ออกไปพ้นประตูรั้วแล้ว
พริ้ง ยังคงแสดงอาการตึงๆ แล้วก็เดินออกผละจากไป. เอื้อยไม่เข้าใจว่า ในใจของ พริ้ง คิดอะไรอยู่.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|