ภาคที่ 1 บทที่ 7 หนอนทะเลทราย ตอนที่ 21 สู่ทะเลทราย
สังข์ เอื้อย โสนน้อย จาอู และ มาลา อำลาเรือนผีสิงออกมาได้ไม่นาน ก็พ้นจากป่าทึบ, ทางเดินเริ่มโปร่งโล่งขึ้นมาเรื่อยๆ ต้นไม้ที่เบียดเสียดกัน เริ่มบางตา. ตลอดระยะทาง ไม่มีเหตุร้ายใดๆ การเดินทางในช่วงนี้ จึงรู้สึกผ่อนคลายไปได้มาก แต่หน้าตาของพวกเด็กๆ ก็ยังดูอิดโรยอยู่ เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์สยองขวัญมาได้ไม่นาน.
เวลาผ่านไป 2 วันแล้ว ก็ยังถูกรายล้อมไปด้วยป่า นานๆ จะพบลำธารน้ำสักคราว ซึ่งเริ่มตีบแคบลง. จาอู รู้สึกว่า ตอนนี้ น้ำคือสิ่งสำคัญ และมันเริ่มจะหายากขึ้นแล้ว. พวกเขาหวังว่า ต้องมีโอกาสได้เห็นบ้านคน ที่ไหนสักแห่ง เพราะทางเดินของพวกเขา เริ่มมีร่องรอยของคนเดินผ่าน. จาอู สำรวจดู คณะเดินทาง มีน้ำเหลือกันคนละกระบอก, มันพอเพียงสำหรับดื่มเท่านั้น. คณะเดินป่า มาถึงบริเวณต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ดูมันแข็งแรง ใกล้ๆ มีเนินดิน ถ้าขึ้นไปนั่งบนนั้น จะมองเห็นท้องฟ้าได้ไม่ยาก. ที่นี่ เหมาะจะใช้เป็นที่พักแรม และเวลาก็ใกล้ค่ำ. จาอู ชวนเด็กๆ ตั้งค่ายพักแรมที่นี่ แบ่งอาหารกันเท่าที่มี. พวกเขารู้สึกว่า กินไม่อิ่ม ยังดีกว่าต้องมาเผชิญหน้ากับปีศาจ.
หลังตั้งแคมป์ไฟแบบง่ายๆ บนเนินดิน, ท้องฟ้าก็มืดพอดี. สังข์ เอื้อย โสนน้อย นอนเอาหัวชนกัน ข้างกองไฟ ทักทายดวงดาวบนท้องฟ้า และขอบคุณสวรรค์ ที่ช่วยให้ชีวิตรอด มาจนถึงที่นี่. มาลา รีบหลับก่อนเพื่อน เพราะต้องอยู่เวรยามถัดไป. จาอู นั่งอยู่ข้างกองไฟ ตรงข้ามกับพวกเด็กๆ, ในหัวของเขา เต็มไปด้วยความห่วงใย ในสวัสดิภาพของทุกคน และตัวเขาเองด้วย. สมาชิกในกลุ่ม เหลือน้อยลงไปทุกที. เขาชำเลืองมอง เด็กทั้งสาม อย่างเอ็นดู.
หลายวันมานี้ พวกเขาช่างอดทนเหลือเกิน เกินกว่าลูกชายของเขา หลายเท่านัก. ทำให้เขารู้สึกตื้นตัน เกิดพลังใจ ที่จะสู้ฟันฝ่ากับอุปสรรคต่อไป. เขาเดินทางมาไกลมาก เกินกว่าจะย้อนกลับ ถ้าพวกเด็กๆ ยังไม่พบคนที่ เคน แนะนำให้รู้จัก เขาก็จะไม่ทอดทิ้งภารกิจนี้. จาอู ให้สัญญากับตัวเอง อีกครั้ง.
สังข์ วางแขนขวา ไว้บนหน้าผากของตัวเอง, สายตาเหม่อลอยไปบนฟ้า ครุ่นคิดเหตุการณ์ที่ผ่านมา อุปสรรคต่างๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ ความมุ่งมั่น ความกล้าหาญ และความสามัคคีกัน ของทุกคน. โดยเฉพาะ การเสียสละของ จาอู และ การรักษาสัจจะของ มาลา เขารู้สึกซาบซึ้งเป็นที่สุด. สังข์ ชำเรืองมอง จาอู และ มาลา ผ่านเปลวไฟ ที่อยู่ข้างๆ ด้วยความชื่นชม.
เอื้อยกับโสนน้อย รู้สึกง่วงเต็มทน
รุ่งอรุณ จาอู รับรู้ถึงพลังอันสดชื่น กว่าทุกวัน. เมื่อคืน เขาหลับสนิท เหมือนดูดซับรับเอาพลัง จากแผ่นดิน น้ำค้าง และัเสียงร้อง ของเหล่าแมลงต่างถิ่น. ก่อนฟ้าสาง, จาอู ปลุกพวกเด็กๆ ให้เตรียมตัว เดินทางต่อไป.
ช่วงสายๆ ของวันนั้น แดดเริ่มแรงขึ้น. ตอนนี้ ต้นไม้ใหญ่ๆ ไม่มีให้เห็นแล้ว เหลือแต่ป่าละเมาะ. ความหิวกระหายน้ำของพวกเด็ก เพิ่มมากขึ้น, น้ำก็เหลือน้อยลงไปทุกขณะ. โสนน้อย ภาวนาว่า ขอให้เจอลำธารน้ำไวๆ หรือไม่ก็ แอ่งน้ำ ก็ยังดี.
ยิ่งเดินห่างต้นไม้ออกไป ป่าละเมาะก็ยิ่งเบาบาง, ไร้วี่แวว ที่จะเจอบ้านคนสักหลัง. ... จนกระทั่งบ่าย คณะเดินทางผจญภัย รู้สึกมีความหวังขึ้นมา เมื่อทางเดินของพวกเขา มีรอยล้อเกวียนของชาวบ้าน ปรากฏให้เห็นที่พื้น. ทุกคนพากันยิ้มออกมา. จาอู บอกให้ทุกคน เริ่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น สู้กับแดดและอากาศร้อน เพื่อแลกกับความหวัง ซึ่งรอเขาอยู่ข้างหน้า. แน่ละ อาจจะพบบ้านคนที่ไหนสักแห่งก็ได้.
โชคดีเหลือเกิน ที่มีบ้านของชาวบ้านหลังหนึ่ง, เป็นบ้านที่ก่อด้วยอิฐดิน ปลูกอยู่บนเนินเตี้ยๆ ล้อมรั้วไม้แบบง่ายๆ. มองไกลๆ เห็นแต่คอกวัว แต่ไม่มีวัวสักตัว.
แขกต่างแดน ยืนอยู่ท่ามกลางแดด อยู่พักหนึ่ง, ยังไม่มีอะไรขยับเคลื่อนไหว. เอื้อย รู้สึกเป็นกังวล.
สักครู่ หญิงชราคนหนึ่ง มีผ้าคลุมหน้าคลุมไหล่ แง้มประตูหน้าบ้าน ค่อยๆ เดินออกมา หยุดอยู่ครู่หนึ่ง เอามือป้องแสงแดด พิเคราะห์ดูแขกที่ไม่รู้จัก. แต่ดูเหมือนว่า จะมองเห็นไม่ชัดเท่าไร จึงขยับเข้ามาใกล้ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าออก. โสนน้อย ตกใจ ผงะเล็กน้อย, ใบหน้าของนางเหี่ยวย่น มีปุ่มปม ขึ้นเต็มใบหน้า นัยน์ตาข้างหนึ่ง เป็นต้อสีเทา.
นางหยีตา ยิงฟัน เห็นคราบฟันสีดำเต็มปาก, นางเอ่ยทักขึ้นก่อน.
ยายเฒ่า ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง, มองสภาพของผู้มาเยือน คนโน้นที คนนี้ที เพื่อให้แน่ใจว่า คนพวกนี้ไม่ได้มาร้าย ไม่ใช่ขโมย. นางเห็นว่า มีเด็กผู้หญิงมาด้วย ถ้าจะบอกให้ไปทางอื่น ก็ดูจะใจร้ายเกินไป.
นาง บอก และชี้ไปที่บ่อน้ำ. จาอู ยกท่อนไม้ ที่ทำเป็นรั้วกั้นทางเข้า ลากออกไป พาคณะเดิน ตรงไปที่บ่อน้ำ. ยายเฒ่าเดินตามไปดูห่างๆ.
มันเป็นบ่อน้ำสร้าง ที่ขุดเป็นหลุมลงไปในดิน, มีน้ำใสอยู่ลึกลงไป ราวสองช่วงตัวคน. มาลา คว้าถังไม้รูปทรงกระบอก ที่ตรงปากบ่อ จับเชือกไว้ในมือ โรยเชือกที่ผูกถังไว้ที่ปลายด้านหนึ่ง หย่อนลงไปที่ก้นบ่อ รอจนน้ำเต็มถัง แล้วดึงเชือก เอาถังไม้ที่มีน้ำใส จนเกือบเต็ม ขึ้นมาวางที่พื้นดิน ห่างจากปากบ่อ. ปล่อยให้ เด็กๆ ดื่มกินกันก่อน. จากนั้น ต่างคนต่างกรอกน้ำ ใส่กระบอกของตัวเอง. มาลา นำกระบอกไม้ไผ่อันยาว 4 กระบอก เติมน้ำไว้เป็นเสบียง. แม้จะดื่มน้ำกันไปแล้ว แต่อากาศข้างนอกนี่ ก็ยังร้อนอยู่ดี.
ยายเฒ่า แน่ใจว่าคนพวกนี้ หลงทางมาจริงๆ ไม่ใช่คนร้าย จึงเอ่ยเชื้อเชิญ
จาอู พยักหน้า เป็นสัญญาณบอกเด็กๆ ให้เดินตามเจ้าของบ้านไป ... อากาศในบ้านดิน เย็นกว่าข้างนอก สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ลงไปไม่น้อย. นับว่า เป็นความฉลาดของคนที่นี่ ที่สร้างบ้านแบบนี้ เหมาะกับอากาศร้อน ได้เป็นอย่างดี.
เด็กๆ เริ่มคุ้นเคยกับใบหน้าของยายเฒ่า พอๆ กับที่ยายเฒ่า ก็ไว้ใจแขกต่างถิ่นมากขึ้น. เอื้อย เล่าความเป็นมา ให้ยายเฒ่าฟัง ตั้งแต่พลัดพรากจากพ่อแม่ ไปอยู่กับเคน จนกระทั่งโต พอช่วยเหลือตัวเองได้ ก็ออกตามหาแม่. ทีแรก นางคิดว่า คนพวกนี้แค่มาขอน้ำ แล้วก็ไป แต่พอได้ฟังความเป็นมา ของพวกเขาแล้ว รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ, จึงเชื้อเชิญ ให้แขกที่มาโดยไม่ได้ตั้งใจ อยู่ต่อสักระยะ.
สังข์ เอื้อย โสนน้อย รับรู้ในความเมตตา ของยายเฒ่าหน้าผี แต่มีจิตใจงดงาม. จาอู และ มาลา รู้สึกสบายใจ ที่จะไ้ด้พักจริงๆ สักที. จาอู แน่ใจแล้วว่า ภารกิจของเขา เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่พาเด็กๆ ออกมาจากหมู่บ้านผีสิง และป่ามรณะ ได้สำเร็จ ส่วนอีกครึ่ง ก็คือ ส่งพวกเขาไปให้ถึงมือของ พันตู ตามคำบอกเล่าของ เคน. แม้ว่า การเดินทางผจญภัยหนนี้ เท่ากับเสี่ยงชีวิต แต่ที่เขายอมเสี่ยง ส่วนหนึ่งก็คือ ต้องการตามหาเมียรัก. แต่ตอนนี้ เมียของเขา ถูกเสือกินไปแล้ว และโอกาสที่จะได้พบลูกชาย ก็ไม่มีแล้ว นั่นเท่ากับว่า เขาเหลือตัวคนเดียว.
เวลาพลบค่ำ สามีของยายเฒ่า กับหลานชาย ก็กลับมา พร้อมฝูงวัว 10 ตัว กับลาอีก 3 ตัว. ที่ปลายกระบอกปืนแก็ป บนบ่าของหลานชาย มีกระต่ายป่า ตัวใหญ่ 2 ตัว ห้อยต่องแต่งติดมาด้วย. หลานชาย ต้อนลาเข้าไปเก็บในคอก, ตาเฒ่า ไล่ต้อนวัวเข้าคอก เสร็จแล้ว จึงพากันเข้าบ้าน. ยายเฒ่าแนะนำแขกแปลกหน้า กับผัวของนาง.
ตาเฒ่า พิเคราะห์สภาพของแขกแปลกหน้าแล้ว ก็ไม่ลังเลที่จะไม่ปฏิเสธ, ยายเฒ่าเมียรัก ว่ายังไง ตาเฒ่า ก็ว่าตามนั้น. เขาแนะนำ ที่หลับนอนในบ้าน ซึ่งไม่อาจแบ่งพื้นที่กันได้เลย ระหว่างเจ้าของบ้านกับแขก. ความคับแคบของบ้าน ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย สำหรับความเอื้อเฟื้อ. นับว่าโชคดีมากๆ ที่คืนนี้ จะได้ที่พักพิง จากคนดีมีน้ำใจ. จากคำพูด ลีลาท่าทาง, ตาเฒ่า ก็มีอัธยาศัยดี ไม่ต่างจากเมียของเขา. การสื่อสารกับ จาอู มาลา ค่อนข้างลำบากนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค ในการสร้างไมตรีที่ีดีต่อกัน.
ชีวิตคนเรา แม้จะหาความสมบูรณ์ได้ยาก แต่ก็คงไม่โชคร้ายเสมอไป, เพราะไม่อย่างนั้น ชีวิตจะขาดสมดุล. เมื่อสูญเสีย หรือขาดพร่องสิ่งหนึ่งไป ก็จะได้รับสิ่งอื่นทดแทน. การเดินทางไกลหนนี้ พวกเด็กๆ และพี่เลี้ยง ต้องเผชิญกับสิ่งอันตรายรอบข้าง ซึ่งหาความแน่นอนไม่ได้ ย่อมมีโชคร้ายบ้างโชคดีบ้าง คละกันไป. วันนี้ ได้รับความเมตตา จากสองตายายใจดี ที่แบ่งปันน้ำ อาหาร และที่พักให้. วันข้างหน้า ไม่รู้ว่าจะได้พบสิ่งนี้อีกหรือไม่.
รุ่งเช้า สองตายาย แบ่งข้าวเหนียว และเนื้อตากแห้งห่อใหญ่ ให้เป็นเสบียง กินระหว่างทาง. ส่วนหลานชาย ก็มอบกระติกน้ำ ทำจากลูกน้ำเต้าแห้ง ให้ สังข์ อีกหนึ่งใบ. ก่อนที่เด็กๆ และพี่เลี้ยง จะก้าวออกจากรั้วบ้านไป, สังข์ สังเกตสองตายาย กำลังพูดตกลงอะไรกันอยู่.
ตาเฒ่าเดินหายไปที่หลังบ้าน ... ครู่หนึ่ง ก็ออกมา ในมือจูงลาตัวหนึ่ง เดินตรงมาที่พวกเด็กๆ ยืนอยู่ พร้อมกับยื่นเชือกที่คล้องคอลาตัวนั้น.
...
คณะเดินทางไกล มุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออก ตามคำแนะนำของสองตายาย. ตอนสายๆ เพิ่งผ่านบ้านคนไปหลังเดียว. พอบ่ายแก่ๆ ก็ไม่มีบ้านคนอีกเลย. ป่าละเมาะเริ่มหายไป ทุ่งหญ้าก็เบาบางลง เห็นแต่ดินว่างเปล่า จะมีก็แต่ซากต้นไม้ยืนตาย ให้เห็นประปราย. ระหว่างเดินทาง ยังไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆ มาเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด. โชคดี ที่มีลาช่วยขนของ ทำให้เดินทางสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องมีขบวน เหมือนตอนเดินในป่า. พวกเด็กๆ มักเดินนำหน้า, จาอู มาลา กับลา เดินรั้งท้าย. น้ำและอาหาร ยังมีพอสำหรับทุกคน แต่ก็ต้องหาล่าสัตว์ ตุนสำรองเผื่อไว้.
สังข์ ไม่ออกความเห็น. เอื้อย ก็ไม่ถามต่อ, ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ. สังข์ รู้ดีว่า สิ่งที่ เคน ให้มา เป็นของสำคัญ เขาย้ำนักย้ำหนาว่า ให้เอาติดตัวไว้ แต่พอทำมันหายไป ก็เลยไม่แน่ใจว่า มันมีความสำคัญ ตามที่ เคน บอกจริงหรือไม่.
สังข์ นึกย้อนเหตุการณ์ ที่บ้านผีสิงนั่น ขึ้นมาอีกครั้ง. ...
คุยกันไปเพลินๆ พวกเขาก็มาถึงทางแยก. ทางหนึ่งไปทางทิศเหนือ อีกทางไปทิศใต้ ทั้งสองเส้นทาง เต็มไปด้วยก้อนหินและทราย มีต้นไม้น้อยมาก ที่มีก็คือ ต้นไม้ตายซาก และซากสุนัขตายตัวหนึ่ง ที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก. มันคงอดน้ำอดอาหารตาย. ทุกคน มองออกไปข้างหน้า มีสีหน้าไม่ค่อยดี, นี่คือทางเลือก ที่เลือกไม่ได้ ไม่ว่าจะไปทิศเหนือ หรือทิศใต้ ก็เสี่ยงพอๆ กัน.
จาอู สำรวจปริมาณน้ำดื่ม ข้าวของ สัมภาระ บนหลังลา, มันยังพอเดินไปต่อได้. จาอู พยักหน้า สังข์ ตัดสินใจไปทิศใต้.
คณะเดินทางทั้ง 5 ชีวิต เดินต่อไปอีกไม่นานก็ค่ำ. มองไปข้างหน้า มีแต่หินกับทราย มองไปข้างหลัง ก็มีแต่ทรายกับหิน. แต่ข้างหลังมีก้อนหินมากกว่าข้างหน้า และยังพอมีต้นหญ้าให้เห็นบ้าง แต่ข้างหน้า แทบมองไม่เห็นเลย. ดวงตะวันที่อยู่ทางด้านขวามือ เริ่มลับหายไปกับเนินหินเตี้ยๆ.
ผ่านไป 2 วัน 2 คืน ในทุ่งดินปนทราย มันช่างเป็นเวลาที่โหดร้ายมาก สำหรับเด็กๆ. ทรายก็ร้อน แดดก็จัด น้ำเหลือน้อยลงไปทุกที. การล่าสัตว์ก็ทำได้ยากขึ้น ฟืนก็หายาก โชคดี ที่ยังไม่เจอเสือหรือสิงโต จะมีก็แต่สัตว์เลื้อยคลาน จำพวกแมงป่อง งู ซึ่งตราบใด ที่ยังมีกองไฟ ก็ยังพอป้องกัน สัตว์จำพวกนี้ได้บ้าง.
จาอู เลือกบริเวณ ที่เป็นเนินทรายเหมาะๆ แห่งหนึ่ง. ห่างออกไปราวสิบก้าว มีต้นไม้ขนาดหนึ่งคนโอบ ต้นหนึ่ง ที่ขึ้นเบียดข้างก้อนหินใหญ่ ขนาดช้างหมอบ. มันยืนตายซาก เพราะขาดน้ำ. กิ่งของมันสองกิ่ง แยกกันยื่นออกไปคนละทิศ เหมือนแขนของคน ที่กำลังขอน้ำ หรือไม่ก็ เหมือนแขนของปีศาจ ที่กำลังจะขยุ้มเหยื่อ.
มาลา เอาสัมภาระลงจากหลังลา แล้วพามันไป ที่ต้นไม้ตายซาก. เขาผูกลาไว้ที่โคนต้น แล้วเอาหญ้าแห้งให้มันกิน พร้อมกับน้ำอีกนิดหน่อย. เขาต้องประหยัดน้ำ. มาลา พูดกับลา แปลเป็นคำถามได้ว่า ไปไหวไหม อีกหน่อย เราก็จะลำบากขึ้นกว่าเก่านะ นี่เป็นหญ้าฟ่อนสุดท้ายแล้ว. สังข์ เห็นภาพนั้นแล้ว ก็อดหวั่นใจไม่ได้ แต่ตอนนี้ต้องจัดที่หลับนอน ทำเขตป้องกันภัย ทุกอย่างต้องเร่งรีบไปหมด ดูเหมือนว่า ฟ้าจะมืดเร็วกว่าทุกวัน.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|