ภาคที่ 2 บทที่ 12 นครพันธุรัฐ เมืองคนทาส ตอนที่ 41 ทาสใหม่
สินสมุทร สังข์ สุดสาคร ถูกชายชุดทหาร พาตัวขึ้นรถยนต์สี่ล้อสีแดงเลือดนก. บนรถ มีคนอื่นๆ ถูกควบคุมด้วยชายชุดทหาร 4 คน ถือปืนชนิดยิงเร็ว, คนที่สั่งให้จับเด็ก ผลักเขาทั้งสามคน เข้าไปในคอก ที่มีซี่กรงคล้ายรถขนนักโทษ ไปนั่งรวมกับคนอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ พวกเขาอาจมีฐานะทาส หรือไม่ก็เชลย. รถวิ่งออกไปช้าๆ. มีี่รถแบบเดียวกันอีกคันหนึ่ง บรรทุกทาสเชลย ที่เป็นชาวบ้านผู้ชายล้วน ราว 3 4 คน วิ่งแซงหน้าขึ้นไป เลี้ยวซ้ายหายเข้าไปอีกทางแยกหนึ่ง. สักครู่ มีเสียงปืนดังขึ้น จากรถคันที่อยู่ข้างหน้า. เชลยทุกคนบนรถ มีสีหน้าตื่นตระหนก และหวาดกลัว. รถขนทาสผู้เคราะห์ร้าย วิ่งผ่านทางแยกที่เกิดเหตุเมื่อสักครู่, สังเกตบนพื้นถนนด้านซ้ายมือ มองเห็นคนนอนตายอยู่กลางซอย.
สังข์ สังเกตสองผัวเมีย มีสีหน้าซีดอิดโรย เหมือนไม่ได้หลับนอนมาหลายวัน, เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเก่าและขาด. อากาศหนาวแบบนี้ พวกเขากอดและซบหน้าเข้าหากัน ร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาออกมาเลย. พวกเขาคงเสียน้ำตามามาก กับเหตุการณ์บ้าๆ ของเมืองนี้. สังข์ ขยับตัวจะถามพวกเขา ก็มีถุงผ้าสีดำคลุมที่หัว. สังข์ คิดว่า เพื่อนอีกสองคน และทุกคนบนรถ ก็คงถูกคลุมหัวเหมือนกัน. พวกเขาคงไม่อยากให้พวกทาสเชลยที่จับมาได้ มองเห็นสองข้างทาง และป้องกันไม่ให้คุยกัน.
...
เอื้อย กับ โสนน้อย รออยู่ในเรือเหล็ก นานเกือบชั่วโมง ไม่เห็นใครกลับมาเลย ก็รู้สึกกระวนกระวายใจ. คิดไปต่างๆ นานา เกรงว่าพวกเขาอาจจะได้รับอันตราย.
เอื้อย ครุ่นคิดลังเล ว่าจะทำตามที่ โสนน้อย บอกดีหรือไม่, หรือว่าจะรอต่อไปอีกสักหน่อย. เขาเคยออกไปล่าสัตว์ หรือหาของกิน บางทีก็นานครึ่งวัน แล้วก็กลับมา. แต่หนนี้ สร้างความวิตกกังวล ให้แก่เธอมากกว่าทุกครั้ง เท่าที่เคยผจญภัยกันมา.
...
รถบรรทุกเชลย วิ่งผ่านเข้าไป ในเขตสุสานรถยนต์ ซึ่งเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนเครื่องจักรกล หุ่นยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กองสุมรวมกันเป็นภูเขา กองเล็กบ้างใหญ่บ้าง เต็มลานสุสาน. รถวิ่งวกวนไปตามเส้นทาง หายเข้าไปในอาคารโรงงาน รูปโดมหลังคาโค้ง สูงเท่ากับตึก 3 ชั้น, ด้านหลังเป็นสะพานเหล็กแบบแขวน สภาพเก่าคร่ำคร่า เหมือนถูกใช้งานมาแล้ว หลายศตวรรษ ไกลออกไป มองเห็นตึกค่อนข้างสมัยใหม่ เป็นวิวสูงเกิน 10 - 20 ชั้น ขึ้นลดหลั่นกันไป. หน้าอาคารโรงงานรูปโดม มีรถยนต์บรรทุก 3 4 คัน วิ่งเข้าๆ ออกๆ จากประตูเหล็กขนาดใหญ่และกว้าง. รถยนต์สีแดงเลือดนก ที่บรรทุกทาสเชลยมา ขับผ่านเข้าไป และจอดที่บริเวณหน้าอาคารหลังหนึ่ง.
สังข์ รู้สึกว่า พอรถจอดนิ่งสนิท มีเสียงดังครืดๆ หึ่งๆ เหมือนมอเตอร์ไฟฟ้าหมุน ให้แขนกลทำงาน. รถถูกย้ายเข้าไปอยู่ในกล่องเหล็ก แล้วพาทั้งรถและัคน ค่อยๆ ไถลเลื่อนลงไปใต้ดิน ที่ไหนสักแห่ง แล้วก็หยุด. สังข์ สินสมุทร และ สุดสาคร กับ ชาวบ้านที่ถูกจับมาอีก 4 คน ถูกพาลงจากรถ. ตอนนี้ ชายชุดทหาร เปลี่ยนเป็นอีกคนแล้ว, เขาถอดเอาถุงคลุึมหัว ออกทีละคนจนครบ. ข้างในนี่ ค่อนข้างมืด ไม่อาจรู้ตำแหน่งแห่งที่ ว่าที่นี่คือที่ไหน รู้แต่ว่าเิป็นห้องโถงขนาดไม่ใหญ่นัก คล้ายอุโมงค์ ยาวลึกไปทั้งด้านซ้ายและขวา. ตลอดทางยาว จะมีทางเดิน ถูกจัดแบ่งเป็นส่วนๆ แยกออกไปทั้งสองข้าง ทุกระยะ 20 เมตร. ทุกจุดในระยะ 20 เมตร มีชายชุดทหาร ในมือถือปืน เดินเข้าออก ตลอดเวลา. ชายชุดทหารที่มารับช่วงงานต่อ ก็คือผู้คุมในส่วนที่อยู่ใต้ดินนี้. เขาพาทาสผู้มาใหม่ ไปรวมกับคนอื่นๆ ที่เพิ่งถูกจับมา.
สังข์ และเพื่อน ถูกบังคับให้นั่งกับพื้น เป็นแถวยาว รวมกับพวกผู้ใหญ่ที่ถูกจับมา, เป็นชายบ้างหญิงบ้างคละกันไป ที่นับได้ ประมาณ 40 คน. แต่ละคน มีแววตาตื่นกลัว แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน และทั้งไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองด้วย ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง.
แม้ว่า สังข์ จะผ่านการต่อสู้กับพวกภูติ ปีศาจ สัตว์ร้าย อันตราย มามาก แต่หนนี้ ต่างกันโดยสิ้นเชิง. สัตว์ร้ายอันตรายในป่า แม้จะดูลึกลับ น่ากลัว แต่ถ้าตั้งสติให้ดี ก็พอมีหนทางสู้กับมัน หรือหลบหนีเขี้ยวเล็บของมันได้. สัตว์ อสรูร้ายเหล่านั้น บางตัว จะฆ่าเหยื่อเพราะต้องการกินเป็นอาหาร. แต่สำหรับคนพวกนี้ ไม่อาจหยั่งรู้ ความต้องการของพวกเขาได้. พวกเขามีปืน และมีความดุร้าย น่ากลัว รวมอยู่ในคนคนเดียว, พร้อมที่จะฆ่าทุกคนได้ ถ้าขัดขวางผลประโยชน์ของพวกเขา. เมื่อมาถึงขั้นนี้ เรื่องหนี คงเป็นไปได้ยากเสียแล้ว, สิ่งที่ สังข์ กังวลมากที่สุดตอนนี้ คือ เอื้อย กับ โสนน้อย. ถ้าเธอสองคน ต้องมาเจอกับ สภาพโหดร้ายแบบนี้ ก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร, ชั่งเป็นชะตากรรมที่โหดร้ายเหลือเกิน. สังข์ ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้เอื้อย โสนน้อย หนีไปให้ไกลจากเมืองนี้.
ชายชุดทหารคนหนึ่ง รูปร่างค่อนข้างผอมสูง ใบหน้านิ่งเฉย แก้มตอบ แต่งกายสะอาด เรียบร้อย. ดูลักษณะการแต่งกาย และการพินอบพิเทา ของทหารคนอื่นๆ ที่มีต่อเขา คาดเดาได้ไม่ยากว่า นี่คือ หัวหน้าผู้คุม, แทนที่เขาจะถือปืน ในมือถือกระบองเหล็ก รูปร่างประหลาด สีเงิน ซึ่งดูไม่ออกว่าเป็นอาวุธ หรือเป็นอะไรกันแน่.
สภาพแวดล้อมที่ไร้อิสระ เหมือนถูกจับมาเป็นเชลย ไม่อาจรู้ชะตากรรมของตัวเอง ย่อมกดดันจิตใจของผู้ที่ถูกจับมา ให้กระเจิดกระเจิงได้ง่าย. เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ก็เกิดขึ้น! ชายที่ถูกจับมาผู้หนึ่ง ที่นั่งอยู่หัวแถว ไม่อาจควบคุมสติของตัวเองไว้ได้, ฉวยโอกาสตอนหัวหน้าผู้คุมเผลอ. ชักมีดที่ตัวเองซ่อนไว้ ลุกขึ้น เข้าประชิดตัว ที่ด้านหลังของหัวหน้าผู้คุม มือซ้ายล็อคแขน มือขวาถือมีด จี้ที่บริเวณคอ เสมือนเป็นเป็นตัวประกัน ไว้ใช้เป็นเงื่อนไขต่อรอง แลกกับอิสรภาพ.
เขาได้ปืนมาแล้ว รีบสำรวจตรวจดูว่า ปืนนี้ใช้ได้จริงหรือไม่ ด้วยการยิงลงไปที่พื้น ปัง! โชคดี กระสุนไม่ไปโดนใครเข้า. เขาลากตัวหัวหน้าผู้คุม หายลับไปในมุมตึก. แต่เขารุกรนไปหน่อย ทำให้ลืมจุดสำคัญไป.
ผู้คุมอีกคนหนึ่ง คว้ากระบองเหล็กสีเงินที่อยู่บนพื้น ถือไว้ในมือ เดินหลบหายไปอีกด้านหนึ่งของมุมตึก. ทาสเชลยผู้บ้าบิ่น แม้ว่าจะใจกล้า แต่เขาไม่รู้ที่ตั้งทำเล ของสถานที่ ไม่รู้แม้กระทั่งว่า ช่องทางที่เขาพาตัวประกันไปนั้น จะพาเขาไปสู่ประตูอิสรภาพ หรือประตูนรกกันแน่. ผู้คุมที่ถือกระบองเหล็ก แอบหลบไปดักรอข้างหลัง ของทาสเชลยใจกล้า ในระยะห่างราว 4 เมตร, ฉวยโอกาสที่เขาเผลอ เอากระบองเหล็กสีเงิน ซึ่งเผยให้เห็นปุ่มกลไกหลายปุ่ม โผล่ขึ้นมา ชี้ไปที่หัวของทาสเชลย แล้วกดปุ่ม เกิดประกายไฟฟ้า แล่นออกจากกระบอง ไปช็อตที่หัวของเขา จนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น ปืนหล่นออกจากมือ. แน่นอนว่า เขาคงได้รับการตอบแทน ด้วยเท้าของผู้คุมทั้งสองคน อย่างสาสม จนแทบทรงตัวไม่อยู่. เพียงแค่ไม่ถึงนาที เขาก็ถูกลากตัวไปนอนโอดครวญ ณ ที่จุดเดิม, สร้างความหวาดกลัว ให้กับทาสเชลยทุกคน จนไม่มีใครกล้าคิดหนีออกไปจากที่นี่.
เมื่อเหตุการณ์สงบลง หัวหน้าผู้คุมเดินมาที่หัวแถว แล้วสั่งกำชับผู้ใต้บังคับบัญชา.
ผู้เป็นนาย เดินสังเกตการณ์ ตามหลังการตรวจค้น ของผู้คุมที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา, จากหัวแถว ไล่ลำดับไปจนถึงเด็ก. ทันทีที่ผู้เป็นนายเห็นว่า คนที่ถูกจับมานั้น มีเด็กปะปนมาด้วย, เขาจึงถูกนายตบที่ใบหน้า เพี๊ยะ!
เมื่อถูกนายสั่ง เขาจึงค้นตัวพวกเด็กๆ ซึ่งไม่พบอาวุธร้ายแรงอะไร นอกจาก ข้าวของติดตัวที่อยู่ในกระเป๋า หน้าไม้ ธนู พร้อมลูกดอก.
เขาค้นตัวไป บ่นพึมพำไป. จนกระทั่ง เห็นเครื่องดนตรีของ สุดสาคร ในกระเป๋า และเห็นแท่งกุญแจโลหะ ในกระเป๋าของ สังข์. สังข์ ยังไม่ลืมคำสั่งของ เคน ที่บอกว่า นี่คือวัตถุนำโชค.
ตอนนี้ สิ่งที่เรียกว่าวัตถุนำโชค กลายเป็นของประหลาด สำหรับผู้คุมไปเสียแล้ว. เขาเดินเข้ามาจับสัมผัสดู.
สินสมุทร สุดสาคร และ สังข์ ทำอะไรได้ไม่มากไปกว่า การพยักหน้ารับ. นับว่าโชคดีที่พวกผู้คุม ไม่ยึดเอาของของพวกเขาไป. ถึงตอนนี้ สังข์ กลับคิดใหม่ว่า อย่างน้อยมันก็นำโชคอย่างหนึ่งมาให้ คือ เครื่องดนตรีและแท่งกุญแจ ซึ่งเป็นของสำคัญของพวกเขา ไม่ถูกยึดเอาไป. สิ่งที่ถูกยึดไป ก็แค่มีด ธนู หน้าไม้ ลูกดอก, มันคงไม่มีประโยชน์สำหรับที่นี่.
สุดสาคร รีบเก็บของตัวเอง ใส่ไว้ในกระเป๋าทันทีที่ได้คืน.
ทาสเชลยที่เป็นผู้ใหญ่ ถูกนำตัวแยกไปยังห้องต่างๆ ส่วนพวกเด็กๆ ถูกพาตัวไปอีกที่หนึ่ง. ทางเดินที่ถูกพาไป เลี้ยววกวนน่าเวียนหัว, สังเกตเห็นก้อนกลมๆ เหมือนลูกบอล ติดอยู่ทุกมุมเลี้ยว เหมือนดวงตาของปีศาจ คอยจับจ้องว่า จะมีใครหลบหนีไปจากที่นี่บ้าง.
ห้องแรก เป็นห้องผสมของเหลว, มีคนงานคละกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย. แต่ละคนสวมเสื้อหนาๆ คลุมถึงเข่า, พวกเขาคงร้อนน่าดู. แม้จะมีพัดลมเป่า คงไม่เพียงพอ กับจำนวนคนตั้งมากมาย. ของเหลวที่ผสม แม้จะไม่มีกลิ่น แต่ผู้คุม กลับมีผ้าปิดจมูก ส่วนคนงานปล่อยตามยถากรรม บางคนมีปิด บางคนไม่มีเลย. พวกเขากำลังบรรจุของเหลว ใส่กระบอกอย่างเร่งรีบ. ถ้าใครชักช้า ก็จะถูกกระบองจากผู้คุม ตีที่ไหล่เป็นการเตือน.
ห้องที่สอง อยู่ถัดไป เป็นห้องบรรจุผงสีขาว ซึ่งมีจำนวนคนงาน น้อยกว่าครึ่ง และเป็นผู้หญิงล้วน และมีสภาพที่ไม่ต่างกันกับห้องแรก. ถัดจากห้องนี้อีก ๒ ห้อง น่าจะเป็นห้องเก็บของอะไรสักอย่าง เพราะมันถูกปิดไว้. ส่วนห้องถัดไปนี่สิ เสียงดังมากจากเครื่องจักร ที่กำลังถักทอ ทุบ ตัด ตี. เครื่องจักรทำงานเสียงดังสนั่น ตลอดเวลา. คนงานเป็นชายล้วน. ที่นี่ นับว่าเลวร้ายกว่าทุกห้อง เต็มไปด้วยมลภาวะ อากาศที่เลวแล้ว เสียงดัง. พวกผู้คุมทุกคน สวมเครื่องป้องกันเสียง แต่คนงานไม่ได้สวมอะไรเลย. ถัดไปอีก 2 ห้อง ก็เป็นห้องเก็บของอีกแล้ว และมันก็ถูกปิดไว้.
พอพ้นจากห้องเก็บของ ก็ได้ยินเสียงดังอีกแล้ว ภายในห้องนี้ มีคนงานที่เป็นผู้ชายล้วน กำลังตัดแท่งเหล็ก เชื่อมและเจียร์ชิ้นส่วนโลหะ หลายชนิดหลายรูปแบบ ล้วนแต่เป็นงานหนักและเสียงดัง ไม่แพ้ห้องถักทอ. ตอนนี้ มองไม่เห็นลูกบอลดวงตาปีศาจแล้ว, สินสมุทร สังข์ และ สุดสาคร เดินผ่านทางเดินแคบๆ อากาศก็ค่อนข้างทึบ. ไม่นาน ก็ถึงอุโมงค์ใต้ดินแห่งหนึ่ง คนงานที่นี่ เป็นผู้ชายล้วน เสื้อผ้ามีน้อยชิ้น เผยให้เห็นรูปทรงของร่างกายแปลกๆ เหมือนมนุษย์ประหลาด ทุกคนถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน, กำลังขุดอุโมงค์ โดยมีผู้คุมยืนคุมอยู่ข้างหลัง ราวกับว่า คนงานพวกนี้คือนักโทษในคุก.
ได้เวลาพักเที่ยงพอดี พวกเด็กๆ มีโอกาสได้กินอาหาร พร้อมกับคนงานอื่นๆ ในห้องอาหารที่จัดไว้เฉพาะ. ตั้งแต่เช้า พวกเขายังไม่ได้กินอะไรเลย. อาหารที่นี่ก็เลวมาก เป็นขนมปังเก่าๆ หรือไม่ก็ข้าวต้มเหลวๆ ใส่อะไรไปบ้างไม่รู้ ผสมปนเปกัน เหมือนในคุกจริงๆ. เพื่อรักษาชีวิตรอด และให้มีแรงทำงานต่อ จึงจำใจต้องกินเข้าไป.
หลังกินอาหารเสร็จ เด็กทั้ง 3 คน ถูกใช้ให้เข็นรถตักดินแทนการขุด เป็นการต้อนรับทาส ที่เพิ่งเข้ามารับหน้าที่ใหม่.
ผ่านไปราวชั่วโมงเศษ สังข์ สังเกตเห็นชายผู้หนึ่ง แต่งกายรัดกุมสีสว่าง มีหนวดเครา แต่ตกแต่งเรียบร้อย. อายุราว 25 ปี เดินมาพร้อมกับเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง แต่งกายดี พวกเขาคงเดินมาตรวจงาน. เด็กหนุ่มกำลังถือกล้องถ่ายภาพ ถ่ายไปทุกมุม. สังข์ สินสมุทร และ สุดสาคร มองเข้าไป ในเลนซ์ของกล้องถ่ายภาพนั้น โดยไม่ได้ตั้งใจ.
ชายหนวดเครากับเด็กหนุ่ม เดินไปสนทนากับผู้คุมอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ผละจากไป. แต่งตัวดีๆ แบบนี้ กับสภาพแวดล้อมที่แสนทุเรศแบบนี้ คงอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแน่, เพราะอากาศค่อนข้างอับชื้นและร้อน ซ้ำไม่มีสิ่งสวยงามใดๆ ให้ดู. พวกเขามองคนงานที่นี่ เหมือนทาสที่ไม่มีโอกาสหนีรอดไปได้, ต้องทำงานอยู่ในนี้จนตาย. สังข์ รู้สึกหดหู่ใจ คิดไม่ออกว่า จะทำอย่างไรกับอนาคตของตัวเอง.
หลังจากตรวจงานเสร็จ ชายหนวดเครากับเด็กหนุ่ม รีบเดินทางด้วยยานลำเลียงพิเศษ ไปที่ห้องห้องหนึ่ง เพื่อรายงานภารกิจของเขา เมื่อมองระยะไกล ยานลำเลียงลำนั้น พาคนสองคน ไต่ขึ้นไปที่ยอดตึกที่สูงที่สุด.
ผู้ปกครองเมืองนี้ มีที่พักและฐานบัญชางาน อยู่ในสถานที่เดียวกัน, เพื่อให้สะดวก รวดเร็ว ในการควบคุึมบัญชาการ. สถานที่แห่งนี้ ดูโดดเด่นมากที่สุด เพราะอยู่ส่วนบนสุดของตึก ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคงแข็งแรง ทันสมัยด้วยกลไก หุ่นยนต์ ระบบไฟฟ้า การรักษาความปลอดภัย และการสื่อสาร การขนส่ง ทั้งจากค็อปเตอร์ ระบบราง และระบบหลอดสุญญากาศ. ข้างบนนี่ เสมือนหอคอย สามารถมองเห็นเมืองทั้งเมือง ได้รอบทิศ 360 องศา ทั้งด้วยตาเปล่า และระบบกล้องส่องทางไกล. มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำทุกจุด ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย และการรับช่วงต่อของงาน โดยเฉพาะ ส่วนที่เป็นใจกลางของศูนย์บัญชาการ ของ นายหญิงพันธุรัฐ เจ้าผู้ครองนครแห่งนี้.
เมื่อชายหนวดเครา กับเด็กหนุ่มไปถึง ชายชราแต่งกายสูทสุภาพ วัยใกล้ 90 ปี ศรีษะขาวโพลน ผู้ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้าน. แต่เขายังดูแข็งแรงไม่แพ้คนหนุ่ม เปิดห้องโถงห้องหนึ่ง ให้พวกเขาทั้ง 2 คนเข้าไปข้างใน.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|