ภาคที่ 1 บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง ตอนที่ 38 อากาศยานช่วยชีพ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ยานบินของพวกเอเลี่ยน ก็เผยโฉมให้พวกเด็กๆ เห็นเกือบเต็มลำ. คะเนด้วยสายตา มันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ยาวครึ่งหนึ่ง ของเรือสำเภาของพวกเขา สีดำด้านทั้งลำ. ที่ผิวของยาน เท่าที่มองเห็น มีร่องรอยขีดข่วนเต็มไปหมด อาจจะเป็นเพราะแรงกระแทก ตอนที่ตกลงมา. ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง ที่ยังจมอยู่ในกองหิน ไม่รู้ว่า มันจะลึกลงไปอีกเท่าไร หรือมีรูปร่างเป็นอะไร, จะมีขาหรือมีล้อหรือไม่ ก็ยังคาดเดาอะไรไม่ได้.
สิ่งที่สุดสาครแนะนำเพื่อนๆ กลายเป็นเรื่องขำขันไป เพราะต่างก็เดากันไปคนละทฤษฎี. ในเมื่อหาข้อยุติไม่ได้ ก็คงต้องคิดหาวิธีอื่น ที่ดีกว่านี้ สังข์ เสนอว่า
มองจากภายนอก ตัวยาน จอดวางในแนวลาดเอียงเกือบ 45 องศา ทำให้การปีนป่ายขึ้นไปข้างบน ค่อนข้างลำบาก. พวกเด็กๆ ต่างคนต่างพยายาม ค้นหาทางเข้า อยู่นานพักใหญ่ ก็ไม่พบ. สินสมุทร กระโดดขึ้นไปข้างบน พิจารณาที่พื้นผิว อย่างละเอียด, เห็นร่องรอยการเชื่อมต่อของพื้นผิว ซ่อนอยู่ที่ปีกด้านข้าง ในแนวลาดเอียง. ถ้ามองจากบนพื้น มันอาจเป็นประตู ก็ได้.
หวังว่าเขาคงจะเดาถูก, ทุกคนที่เหลือ พากันปีนขึ้นไปบนนั้น. พิจารณาดูรูปทรง คล้ายประตูทางเข้า. ลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมมุมมน แยกต่างหาก เชื่อมปะติดกับแผ่นลำตัวของเครื่อง แต่มันต่างกันตรงที่ ด้านบนเล็กกว่าด้านล่าง. อาจเป็นเพราะ มันถูกออกแบบ ให้เข้ากับสัดส่วนของตัวเครื่องนั่นเอง. ตรงกลางมีแผ่นวงกลมปะอยู่ มีคันโยกสำหรับบิดแผ่นวงกลม ให้หมุนเปิด ปิด และมีสัญลักษณ์อะไรก็ไม่รู้ สี่ห้าตัว ที่บริเวณมือจับ.
เสียงบ่นของสุดสาคร กระตุ้นเตือนความทรงจำของ สังข์, ให้นึกถึงคำสั่งของ เคน ว่า ให้เก็บรักษาวัตถุนำโชคไว้ไห้ดี มันอาจจะนำโชคอะไรสักอย่างให้ก็ได้. คราวนี้ ต้องพิสูจน์ว่า มันนำโชคให้จริงหรือไม่. เด็กๆ เงียบนิ่งกันพักหนึ่ง ราวกับนัดกัน. ความเงียบ ช่วยให้พวกเขาได้ยินเสียง ตี๊ดๆ อยู่ใกล้ๆ นี่เอง, เสียงนั่น เบามาก. สังข์ เอามือคลำที่วัตถุนำโชค ที่อยู่ในกระเป๋า รู้สึกว่า จะได้ยินเสียง ตี๊ดๆ ชัดขึ้น. จึงรีบหยิบออกมาดู.
พวกเด็กๆ แปลกใจ ที่เสียงตี๊ดๆ นั่น ที่แท้ก็มาจาก กุญแจโลหะแท่งทรงกลมปลายแยกสามทาง นั่นเอง. เสียงมันดัง พร้อมกับหลอดไฟกระพริบ. สังข์ พามันไปใกล้บริเวณที่พวกเด็กๆ เรียกว่าประตูทางเข้า ทั้งเสียงทั้งไฟก็กระพริบถี่ขึ้น.
สังข์ ก็มั่วตามเพื่อน. จับมันไปวางแนบกับแผ่นวงกลม ที่สมมุติกันว่าเป็นประตู เสียงตี๊ด ลากยาว ก็ยิ่งแน่ใจว่า มั่วมาถูกทาง. สินสมุทร รออยู่แล้ว เอามือจับคันโยกแล้วบิดอีกครั้ง, เสียงดัง คลึ่ก! พร้อมกับเสียง ตี๊ดๆ และไฟกระพริบ หายไป. แผ่นวงกลม หมุนไปตามแรงบิด. พวกเด็กๆ มองหน้าและกัน ...
พวกเขาเดาถูก. แต่แล้ว! แผ่นวงกลม ก็หมุนกลับไปที่เดิมอีก. อ้าว! เกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นอีกแล้วรึนี่. สังข์ เอามืออีกข้าง เคาะวัตถุนำโชคเบาๆ, คิดว่ามันอาจจะเสียก็ได้. เท่ากับว่า แรงดีใจเมื่อสักครู่ ก็แค่หลอกกันเล่น.
สังข์ ส่ายหัว ก่อนที่จะเก็บเข้ากระเป๋าไว้เหมือนเดิม. สินสมุทร เอามือตบไหล่เพื่อนเบาๆ และยังไม่ยอมแพ้ ขอลองอีกครั้ง. สินสมุทร โน้มตัว ก้มลงไปให้มากกว่าเดิม จับคันโยกให้เหมาะมืออย่างใจเย็น ... แล้วออกแรง บิด บิด ... แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น. จะปล่อยให้ความล้มเหลวหนนี้ ทำลายความตั้งใจไม่ได้, คราวนี้ตั้งสติ รวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่มี กระชากคันโยกโดยแรง ซึ่บ!! ประตูเปิด พลั๊วะ ออก, แต่แรงบิดประตูยังเหลือ. สินสมุทรเสียหลัก ก้นกระแทกพื้น โชคดีที่ยังเอามือคว้าชิ้นส่วนของประตู ที่ยื่นออกมา ไว้ได้ทัน.
สุดสาคร หัวเราะดังลั่น ดีใจที่ประตูเปิด. แต่เพื่อนๆ พากันหัวเราะ เพราะสินสมุทร ล้มก้นกระแทกพื้น.
ไม่มีใครให้คำตอบถูกต้องว่า สาเหตุที่ประตูเปิดออกได้ เพราะอะไร, กลไกเพิ่งทำงานเสร็จ หรือว่า สนิมเพิ่งกระเทาะออก หรือว่า ออกแรงให้มากพอ. จะด้วยเหตุผลอะไรก็ชั่งเถอะ ประตูก็เปิดออกมาแล้ว ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์. เหตุผลที่ สังข์ อธิบาย ฟังแล้ว จะมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร.
บานประตูเหล็กชั้นนอก ถูกเปิดออก เผยให้เห็นประตูชั้นใน. สังข์ ใช้มือผลัก เลื่อนสไลด์จากข้างล่าง ผลุบหายเข้าไปที่ขอบประตูข้างบน. มีควันขาวๆ ลอยออกมาจากข้างใน และมีแสงไฟสีน้ำเงินเป็นเส้น ขนาดเท่าเส้นลวด คล้ายใยแมงมุม ส่องพาดผ่านประตู เต็มไปหมด. สังข์ รีรอครู่หนึ่ง ยังไม่ไว้วางใจแสงไฟใยแมงมุมนั่น, ค่อยๆ ยื่นมือ จะไปแตะ.
สินสมุทร เบียดแทรก ไปอยู่หน้าสุด แล้วขยับตัว กำลังจะลอดผ่าน แสงไฟใยแมงมุม.
เอื้อย บอก สินสมุทร หยุดรอสักครู่, ขอให้เธอพิสูจน์ด้วยวิธีของเธอเอง ให้แน่ใจก่อนว่า ปลอดภัยจริงๆ. เอื้อย หยิบก้อนหินก้อนเล็กๆ โยนไปให้โดนลำแสงสีน้ำเงิน ... เคร๊ง! เสียงก้อนหินหล่นลงพื้น, ไม่มีอะไรเกิดขึ้น. สินสมุทร เห็นว่าไม่มีอะไร น่ากังวล, ค่อยๆ ยื่นมือไปแตะแสงใยแมงมุมสีน้ำเงินนั่น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ. เป็นอันแน่ใจแล้วว่า ทุกอย่างปลอดภัย น่าจะผ่านใยแมงมุมเข้าไปได้. สินสมุทร ขยับตัวลอดผ่านเข้าไปข้างใน จนพ้นประตู. เพื่อนๆ โห่ร้อง ปรบมือดีใจ. แต่ทันใดนั้น! บานประตูก็เลื่อนลงมาปิด ชึ่บ! เหมือนเดิม. ทุกคนตกใจมาก. สินสมุทร พยายามควบคุมสติ กำมือทุบประตูไปหลายที เขาถูกขังอยู่ข้างใน. สถานการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ ย่อมสร้างความกระวนกระวายใจ ให้แก่พวกเขาไม่น้อย.
สังข์ น่าจะคุมสติ ได้ดีกว่าเพื่อน, คิด ใคร่ครวญพิจารณา ด้วยเหตุและผล. พวกเขาแก้ปัญหามาถึงขั้นนี้ นับว่ามาไกลแล้ว คิดจะถอยหลัง คงไม่ง่าย. ไม่มีใครรู้อะไรเลย เกี่ยวกับกลไกของประตูนี่ จะมีก็แต่การคาดเดาเท่านั้น. การคาดเดา มีทั้งผิดและถูก ต้องเสี่ยง ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย. สังข์ ยื่นมือไปแตะที่ก้านคันโยก ของประตูชั้นนอก อีกครั้ง. คลึ่ก! ... คราวนี้ ประตูชั้นใน เลื่อนเปิดออกได้เอง. ทุกคนเป่าปาก หายใจโล่งอก.
โสนน้อย สุดสาคร เอื้อย ต่างเบียดกันเข้าไปข้างใน เกือบจะพร้อมๆ กัน, สังข์ เข้าเป็นคนสุดท้าย. ชั่วระยะเวลานับเลขช้าๆ ในใจ 1 - 10 ประตูก็เลื่อนปิดลงอัตโนมัติ พร้อมใยแมงมุมแสงสีน้ำเงิน ก็หายไปด้วย.
ทุกคนมีความรู้สึกแบบเดียวกัน คือ พื้นภายในยานนี่ ดูมันลาดเอียงไปทุกๆ ตารางนิ้ว. ข้างในก็ค่อนข้างมืด. ห่างออกไปไม่กี่ก้าว มองเห็นบันไดลิงแคบๆ มี 5 ขั้น สามารถไต่ลงไปข้างล่างได้. แต่ยั้งก่อน ตอนนี้ มีส่วนที่น่าสนใจกว่า, ดูเหมือนว่า จะมีห้องโถงค่อนข้างใหญ่กว่าทุกห้อง. สินสมุทร ค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปใกล้ๆ เอามือลูบผนัง ซึ่งส่วนใหญ่ลื่นๆ เหมือนกระจก บางที่ก็สากๆ เหมือนผิวกระดาษทราบหยาบ. ข้างในยังดูมืด แต่สังเกตคร่าวๆ ในตอนนี้, ในห้องนี่ น่าจะมีกลไกลอะไรอยู่ข้างใน. สินสมุทร ผลักประตูเล็กๆ เลื่อนสไลด์เปิด เดินนำทุกคนเข้าไปก่อน. ทุกคน ทยอยเดินตามเข้าไป. เพียงแค่วินาทีเดียว ความน่าอัศจรรย์หลายอย่าง ก็เกิดขึ้น.
แสงสว่างค่อยๆ ติดขึ้นเอง จนมองเห็นทุกอย่างข้างใน ได้ชัดเจนราวกับกลางวัน. พื้นของยานภายห้องนี้ ที่เคยลาดเอียง ก็ค่อยๆ ปรับองศา อยู่ในแนวระนาบ. ทุกคนพยายามพยุงตัวเอง ให้ทรงตัวยืนได้ในแนวระนาบ. ข้างในมีปุ่ม มีคานโยก อะไรเยอะแยะไปหมด.
พื้นภายในห้องควบคุม มีลักษณะขรุขระ เหมือนถักด้วยลวด คล้ายใยแมงมุม. อีกด้านหนึ่ง ของห้องนี้ มีเก้าอี้นั่ง ที่มีพนักพิง ขนาดสูงใหญ่ 2 ตัว ติดตั้งอยู่ที่หน้าแท่นวางแผงควบคุม สำหรับบังคับยานลำนี้. บนแผงควบคุม มีปุ่มอะไรเยอะแยะไปหมด, แต่ที่สังเกตได้ง่าย ก็คือ มีหลอดไฟกลมสีเขียว ขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ อยู่ 2 หลอด มันกระพริบช้าๆ ตลอดเวลา. สังข์ รู้สึกได้ว่า เสียงตี๊ดและไฟจากแท่งโลหะนำโชค ดังขึ้นอีกครั้ง แต่เสียงมันเบามาก ที่ไม่ได้ยินเพราะมันอยู่ในซองหนัง.
บนแผงควบคุมหน้าเก้าอี้ตัวขวา มีคันโยกอิสระอยู่ 3 อัน. เก้าอี้ตัวซ้าย มีคันโยกคล้ายพวงมาลัยรถ สำหรับเล่นเกม. หน้าปัทม์ขนาดใหญู่คล้ายกระจกใส โค้งไปตามรูปทรงของอวกาศยานลำนี้. ด้านขวามือ และด้านซ้าย น่าจะเป็นช่องเก็บอะไรสักอย่าง, มันมีขนาดเล็ก จนไม่น่าจะเรียกว่าห้อง. มีประตู เชื่อมต่อถึงกันได้.
โสนน้อย รู้สึกตื่นตะลึง กับความประหลาดอัศจรรย์ของมัน. สินสมุทร เดินเข้าไปยืนเทียบที่เก้าอี้ตัวซ้ายมือ, ดูแล้ว ผู้นั่ง ตัวเล็กนิดเดียว. สังข์ เดินไปเปิดประตูด้านขวา ไฟข้างในที่อยู่ในส่วนด้านขวา ก็สว่างขึ้น. เอื้อย สุดสาคร เข้าไปดู ในส่วนด้านซ้าย. สินสมุทร หย่อนก้น นั่งบนเก้าอี้. อะไรกันนี่! เสียงคล้ายมอเตอร์ของหุ่นยนต์ดังขึ้น, พอเอามือวางบนพนักแขน ฝาครอบใสๆ ที่อยู่บนพนักพิงหลัง โผล่มาจากด้านหลัง ครอบ ฉับ! เข้าที่หัว. เขาคงไปถูกปุ่มกลไกบางอย่างเข้า.
สังข์ สังเกตว่า ช่องส่วนด้านขวา น่าจะเป็นที่เก็บอุปกรณ์ หรือเครื่องมือของพวกมนุษย์ต่างดาว. เขาเปิดดู ตู้ ชั้นต่างๆ, มีถุงสีเงินอยู่ 4 ใบ ถูกพับเก็บไว้. นี่อาจเป็นชุดนอน ของมนุษย์บนยานนี้ก็ได้. ในถุงสีเงิน มีหมวกใสๆ ขนาดใหญ่ ติดอยู่ในนั้นด้วย. พอหยิบขึ้นมาคลี่ออกดู มันมีที่สวมอยู่ห้าทาง แต่ส่วนปลายปิดสนิท.
โสนน้อย เอามือลูบสัมผัส อุปกรณ์ต่างๆ ไปทั่ว. มีอยู่ช่วงหนึ่ง, เธอสังเกตเห็น สินสมุทร ที่อยู่ในครอบแก้วใสบนหัว บนเก้าอี้ยักษ์ ยิ้มและทำตาโต ราวกับมองเห็นสิ่งมหัศจรรย์. ทันใดนั้น! ยานประหลาดที่เคยนอนหลับ ก็เริ่มสั่น ครึก! ๆ ๆ ๆ พร้อมกับเสียง ฟี๊ด!!! ดังราวกับเสียงปีศาจกรีดร้อง. ตัวยานสั่นรุนแรงขึ้น เสียงก็ดังขึ้นด้วย. ทุกคนตกใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ... มันเกิดอะไรขึ้น กับยานของมนุษย์ต่างดาว. พวกเขาพากันมายืนออรวมกัน ที่ตรงกลางหน้าแผงควบคุมเครื่อง. หัวของ สินสมุทร สั่นไหวคลอนแคลน ไปตามแรงกระเทือน. เขาคงกำลังควบคุมยานอยู่แน่ๆ สองมือกุมคันโยกพวงมาลัย ส่ายไปมา. ยานทั้งลำสั่น ส่ายโยกโยนโอนเอนไปมา เป็นที่น่าเวียนหัว ทำให้ยืนทรงตัวได้ยาก. ทุกคนต้องยึดเกาะสิ่งของใกล้ตัวไว้ กันล้ม. ... นาทีที่น่าสะอิดสะเอียนผ่านไป อาการสั่นส่ายของยาน ก็ค่อยๆ ลดลง เหลือแต่อาการโอนเอน เล็กๆ น้อยๆ. ขวัญและสติที่กระเจิงไปเมื่อสักครู กลับคืนมา.
พวกเขาไม่รู้เลยว่า มันเกิดอะไรขึ้น กับยานลำนี้. สังข์ สังเกตปุ่มไฟสีเขียวอันซ้าย ที่หน้าแผงควบคุม กระพริบถี่ๆ และถี่ขึ้นๆ พร้อมเสียงตี๊ดๆ ก็ดังถี่ตามไปด้วย. จะสรุปได้ไหมว่า เด็กๆ กำลังปลุกให้มันตื่นขึ้นมา. หากยานลำนี้ มีชีวิตจริงแล้วละก็ มันคิดอย่างไรกับมนุษย์โลกตัวเล็กๆ 5 คนนี้. คนพวกนี้ เป็นมิตร หรือศัตรู หรือกำลังทำตัวเป็นเจ้านายกันแน่. สังข์ ก้มมองข้างล่างผ่านพื้นกระจกใส พร้อมกับเสียงตี๊ด ยาวติดต่อกัน.
พอสิ้นเสียงตี๊ด ปุ่มไฟสีเขียวอันใหญ่ ก็ดับลง. ยานที่กำลังลอย อยู่เหนือพื้นซากก้อนหิน ร่วงหล่นลงมา โครม! ครึ่ก! ๆ ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นถ้ำ.
นาฬิกาใจหยุดเดินชั่วขณะ, รอให้เหตุการณ์ระทึกเมื่อสักครู่ สงบลง. แรงโ้น้มถ่วงของโลก ทำให้มันสงบนิ่ง อยู่ที่พื้น, แวดล้อมด้วยละอองฝุ่น ที่กำลังร่วงหล่นลงมาอย่างช้าๆ. เด็กๆ สำรวจความเสียหาย ว่ามีใครบาดเจ็บหรือไม่. ปรากฏว่า ทุกคนไม่เป็นอะไร แค่หัวปูดหัวโน ไม่ถึงกับแตก. สินสมุทร สำรวจความเสียหายของส่วนควบคุมยาน, ยังมีปุ่มไฟสีเขียวใหญ่ อันที่อยู่ด้านขวาเหลืออยู่, คิดว่าเครื่องจักรกลนี่ น่าจะมีพลังงานเหลืออยู่ พอที่จะทำประโยชน์ให้พวกเขาได้.
เด็กๆ พากันออกมาจากยาน, มานั่งออรวมกันอยู่ข้างๆ มองดูสภาพภายนอกของมันตอนนี้ เพิ่งตกลงมากองอยู่บนซากก้อนหิน. คราบฝุ่นประปราย เกาะตามผิวยาน. แต่คราวนี้ มันไม่ได้จอดเอียงกระเท่เร่ เหมือนตอนแรก. พวกเด็กๆ เชื่อแล้วว่า นี่คือยานอวกาศของพวกมนุษย์ต่างดาว จริงๆ.
รูปทรงของเครื่องจักรกลลำนี้ ไม่ได้กลมมนเหมือนจานข้าว อย่างที่พวกเขาเข้าใจกัน. ถ้ามองตรงๆ จากข้างบน ดูเหมือนปลากระเบนยักษ์ ที่ไม่มีหาง และมีครีบหนา, ด้านหน้า ตรงกับหน้าต่างบนแผงควบคุม. ใต้ท้องยาน มีขาเป็นปุ่มยื่นออกมา 6 ขา มีล้อซ่อนอยู่ข้างใน ขาทำหน้าที่พยุงให้ยาน ทรงตัวอยู่ได้ในแนวระนาบเดียวกับพื้นผิวโลก. ที่มันร่วงลงมา เมื่อสักครู่ เพราะพลังงานหมดพอดี จึงไม่มีแรงปรับลำตัวยาน ให้ตรงกับระนาบผิวโลกได้. จึงทำให้มันมีสภาพเอียงเล็กน้อย อยู่บนกองหิน.
สินสมุทร สังเกตที่พื้นใต้ท้องยาน ที่อยู่ด้านหลัง มีท่อทรงกลมอยู่สองท่อ ขนาดคนลอดเข้าไปได้ วางในตำแหน่งซ้ายและขวา มันถูกปิดไว้. ตรงกลางท้องยาน มีช่องรูปหกเหลี่ยม ขนาดใหญ่ถูกปิดตายไว้. เขาจึงเดินเข้าไปไกล้ๆ เอามือทดสอบกดปุ่ม ดึงนั่น ดันนี่ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
สินสมุทร กับ สังข์ มีความเห็นตรงกัน, ปีนขึ้นไปข้างบน ที่ปีกด้านข้างอีกครั้ง. เข้าไปข้างในห้องควบคุมอีกครั้ง เพื่อหาทางลงไปชั้นล่าง, ช่วยกันค้นหากุญแจเปิดประตู. สังข์ สังเกตสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ที่แผงควบคุมยาน กดปุ่มนั่นลงไป. ได้ผล พื้นตะแกรง ที่อยู่ตรงกลางของห้องควบคุม เปิดแยกออกจากกันเหมือนม่าน, มอเห็นบันได ยื่นงอกออกไป. พวกเขาสองคน พากันลงไปข้างล่าง.
ที่พื้นทั้งสองข้าง ตรงสุดปลายทางเดิน มองเห็นใบพัดรูปร่างประหลาด ดูเหมือนก้นหอย ถูกเก็บไว้ในท่อทรงกลม. มองตรงไปอีก เห็นทางออกแล้ว. อุปกรณ์ทุกอย่างในนี้ ไม่มีคู่มือบอก ว่าใช้อย่างไร มีแต่การคาดเดาทั้งสิ้น. สองคนช่วยกันเอามือกดปุ่ม ดึงนั่น ดันนี่ ไปตามประสา ... แต่มันได้ผล! มือของสินสมุทร ไปถูกคันโยก ที่มีสัญลักษณ์คล้ายหัวลูกศร, ประตูใต้ท้องยานค่อยๆ เปิดออก มองเห็นพื้นถ้ำชัดเจน.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|